KNOW HOW
  • Home Guide

8 เรื่องน่ารู้ก่อนเลือกซื้อบ้านหลังแรก ที่ต้องอ่านก่อนซื้อ

อยากกู้ซื้อบ้านหลังแรกให้ตรงใจ ไม่เกิดข้อผิดพลาด อ่าน 8 เทคนิคการเลือกซื้อบ้านตั้งแต่วางแผนการเงิน เตรียมเอกสาร ไปจนถึงการตรวจเช็กบ้านก่อนโอนรับ

AP THAILAND

AP THAILAND

เลือกบ้านหลังแรก

MAIN POINT

 

  • การกู้ซื้อบ้านหลังแรกมีหลายขั้นตอนที่เราต้องเตรียมตัวด้วยกัน ตั้งแต่ตรวจเช็กสถานะทางการเงิน ความสามารถในการผ่อน รวมถึงค้นหาบ้านที่มีดีไซน์ และฟังก์ชันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทั้งการเดินทาง การอยู่อาศัย เพื่อให้ได้บ้านที่เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย
  • เริ่มต้นบ้านหลังแรกที่โครงการบ้านจากเอพี เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้อยู่สบาย พักผ่อนกับคนที่รักได้เต็มที่กว่าเดิม

 

 

เทคนิคการซื้อบ้านหลังแรกยังไงให้ถูกใจ

 

 

การเลือกซื้อบ้านเป็นอีกสเต็ปใหญ่ของชีวิตที่หลาย ๆ คนตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งการซื้อบ้านสักหนึ่งหลังต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ การพิจารณาอย่างละเอียด ตั้งแต่การเลือกโครงการที่ตอบโจทย์ ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งเรื่องทำเล ดีไซน์ของบ้าน ความสามารถในการผ่อน ไปจนถึงขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ พร้อมทั้งการเตรียมตัวในด้านอื่น ๆ ในบทความนี้ AP Thai  จะมาพร้อมเทคนิคที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกู้ซื้อบ้านหลังแรก เพื่อให้การซื้อบ้านในฝันเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม

 

8 เทคนิคการซื้อบ้านหลังแรกยังไงให้ถูกใจ

เทคนิคที่ 1: วางแผนการเงินให้ดีก่อนซื้อบ้านหลังแรก

เทคนิคข้อแรกของการซื้อบ้านหลังแรก คือ การประเมินสถานะทางการเงินของเราอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีความพร้อมทางการเงินอย่างเพียงพอ เพราะระยะเวลาการผ่อนบ้านมักจะอยู่ 30 ปี ความมั่นคงในหน้าที่การงานและรายได้ที่สม่ำเสมอจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การซื้อบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ความกังวลในระยะยาว

1. เช็กสภาพการเงินก่อนซื้อบ้าน

เช็กสภาพการเงิน

เริ่มต้นด้วยการประเมินรายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด โดยบันทึกข้อมูลทั้งหมด เช่น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หนี้บัตรเครดิต หนี้สินอื่น ๆ จากนั้นจัดทำตารางสรุปเพื่อดูจำนวนเงินที่เหลือว่ามีเพียงพอสำหรับการผ่อนบ้านหรือคอนโดหรือไม่ ซึ่งการคำนวณจะช่วยให้เราเห็นขอบเขตวงเงินกู้ที่เหมาะสมและประเมินได้ว่าค่างวดรายเดือนสำหรับผ่อนบ้านควรอยู่ในระดับที่ไม่สร้างภาระทางการเงินมากจนเกินไป

ตารางเปรียบเทียบเงินเดือน วงเงินกู้ซื้อบ้าน และค่างวดในการผ่อนต่อเดือน

เงินเดือน 

(บาท)

วงเงินกู้สูงสุด 

(บาท)

ความสามารถในการผ่อนต่อเดือน 

(บาท)

20,000

1,140,000

8,000

25,000

1,420,000

10,000

30,000

1,710,000

12,000

35,000

2,000,000

14,000

40,000

2,280,000

16,000

45,000

2,570,000

18,000

50,000

2,850,000

20,000

55,000

3,140,000

22,000

60,000

3,420,000

24,000

65,000

3,710,000

26,000

70,000

4,000,000

28,000

75,000

4,280,000

30,000

80,000

4,570,000

32,000

85,000

4,850,000

34,000

90,000

5,140,000

36,000

95,000

5,420,000

38,000

100,000

5,710,000

40,000

2. คำนวณสถานะทางการเงิน

คำนวณการเงิน

หลังจากเช็กสภาพทางการเงินเพื่อดูว่าที่ผ่านมาเรามีรายรับ - รายจ่ายเหลือเท่าไรในแต่ละเดือน เพียงพอสำหรับการผ่อนบ้านเท่าไร สิ่งถัดมาที่ต้องทำ คือ การคำนวณการผ่อนบ้านให้รายละเอียดมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถรับมือกับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้จริง

สูตรคำนวณความสามารถในการผ่อนบ้าน

โดยปกติแล้วธนาคารจะกำหนดอัตราผ่อนรายเดือนไว้อยู่ที่ประมาณ 40% ของรายรับในแต่ละเดือน

          ( เงินเดือน  - ภาระหนี้สินต่อเดือน ) * 40% = ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน 

 

ตัวอย่างเช่น

 

กรณีที่ 1: นาย A มีรายได้ต่อเดือนที่ 40,000 บาท ไม่มีภาระหนี้สินใด ความสามารถในการผ่อนของ A จะอยู่ที่ 16,000 บาท / เดือน 

  • เงินเดือน = 40,000 บาท, หนี้สินต่อเดือน = 0 บาท
    ( 40,000 - 0.00 ) x 40% = 16,000 บาท / เดือน

 

กรณีที่ 2: นาย B มีรายได้ต่อเดือนที่ 40,000 บาท มีภาระหนี้สินรถยนต์อยู่ที่ 10,000 บาท ความสามารถในการผ่อนของ B จะอยู่ที่ 12,000 บาท / เดือน

  • เงินเดือน = 40,000 บาท, หนี้สินต่อเดือน = 10,000 บาท
    ( 40,000 - 10,000 ) x 40% = 12,000 บาท / เดือน 

 

สำหรับใครที่คำนวณไม่เก่งหรืออยากลองคำนวณเงินเดือนในหลาย ๆ รูปแบบ เพื่อเอามาเปรียบเทียบกัน สามารถใช้ โปรแกรมคำนวณผ่อนบ้านและสินเชื่อเบื้องต้น จากเอพี ที่ใช้งานง่ายแถมยังช่วยแนะนำโครงการที่เหมาะกับเราอีกด้วย

3. เช็กโปรโมชันและสิทธิพิเศษของโครงการ

โปรโมชั่นของบ้าน

โครงการบ้านส่วนใหญ่มักจะมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ แนะนำให้ติดต่อโครงการ หรือสอบถามเซลล์ที่ดูแลโครงการ เพื่อขอรับข้อเสนอโปรโมชันพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ย 0% ในปีแรก ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ฟรีเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำรวจข้อมูลโปรโมชันต่าง ๆ จากงานมหกรรมบ้านและคอนโด หรือเว็บไซต์ของโครงการเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด ที่ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อบ้านได้มากขึ้น

4. เตรียมเงินดาวน์บ้าน

การดาวน์บ้าน

การวางเงินดาวน์บ้านเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดภาระการผ่อนบ้านในอนาคต โดยปกติการวางเงินดาวน์จะอยู่ที่ 10-20% ของราคาบ้าน หากสามารถวางเงินดาวน์มากกว่านี้ได้ก็จะช่วยลดจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะยาว ซึ่งบางโครงการอาจมีโปรโมชันให้ผ่อนเงินดาวน์บ้านเป็นงวด ๆ ได้เพื่อช่วยกระจายภาระให้เบาบางลง สูตรสำหรับการคำนวณเงินดาวน์ คือ

สูตรคำนวณเงินดาวน์บ้าน ราคาบ้าน × อัตราเงินดาวน์ (%) = จำนวนเงินดาวน์
  • ตัวอย่าง: หากราคาบ้าน 3,000,000 บาท และอัตราเงินดาวน์ 15%
  • เงินดาวน์บ้าน: 3,000,000 × 15% = 450,000 บาท

5. เตรียมเอกสารในการขอสินเชื่อ

เตรียมเอกสารในการขอสินเชื่อ

หลังจากผ่านการพิจารณาด้านการเงินมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะซื้อบ้านหลังแรกให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขในทุกวัน ขั้นตอนต่อไป คือ การเตรียมเอกสารในการขอสินเชื่อเพื่อยื่นกู้บ้าน โดยเอกสารที่ต้องเตรียม

เอกสารสำหรับการขอสินเชื่อสำหรับพนักงานประจำ
  1. สำเนาบัตรประชาชน 
  2. ทะเบียนบ้าน 
  3. หนังสือรับรองเงินเดือน 
  4. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน 
  5. รายการเดินบัญชีธนาคาร 
เอกสารสำหรับการขอสินเชื่อสำหรับเจ้าของกิจการจดทะเบียน
  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. สำเนาทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
  3. รายการเดินบัญชีเงินฝากของบริษัทย้อนหลัง 12 เดือน
  4. รายชื่อผู้ถือหุ้น
  5. หลักฐานการเสียภาษี เช่น ภ.พ. 30 
  6. รูปถ่ายกิจการ 3 - 5  ภาพ พร้อมแผนที่ตั้งกิจการ
เอกสารสำหรับการขอสินเชื่อสำหรับเจ้าของกิจการไม่จดทะเบียน
  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. รายการเดินบัญชีธนาคาร ย้อนหลัง 12 เดือน 
  3. บัญชีรายรับ-รายจ่าย ย้อนหลัง 12 เดือน 
  4. บิลซื้อ-บิลขาย ย้อนหลัง 6 เดือน 
  5. เอกสารยื่นภาษีประจำปี ภงด.90 
  6. รูปถ่ายกิจการ 3 - 5  ภาพ พร้อมแผนที่ตั้งกิจการ
เอกสารสำหรับการขอสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ ค้าขาย ขายของออนไลน์
  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. รายการเดินบัญชีธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน 
  3. สัญญาการว่าจ้างงาน 
  4. ใบ 50 ทวิ ที่เป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ภ.ง.ด.
  5. รูปภาพหน้าเว็บ หรือเพจเฟซบุ๊ก ที่เป็นหน้าร้านออนไลน์

 

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อให้ซื้อบ้านหลังแรกได้รวดเร็ว

เทคนิคที่ 2: เลือกราคาบ้านที่เหมาะสมกับตัวเอง

เลือกราคาบ้านที่เหมาะสมกับเงินเดือน

ควรเลือกราคาบ้านที่เหมาะสมและสอดคล้องกับรายได้ ความสามารถในการผ่อนชำระของเรา โดยทั่วไปควรเลือกบ้านที่มีราคาผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 40% ของรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว นอกจากนี้แล้ว ยังควรเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่าง ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่ง เพื่อไม่ให้การเงินตึงเกินไป อีกทั้งยังควรเหลือเงินเก็บไว้สำหรับใช้ยามฉุกเฉินหรือการพักผ่อน เพื่อให้ชีวิตมีความสมดุล และไม่ให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเกินตัวในระยะยาว

เทคนิคที่ 3: เลือกกู้ซื้อบ้านหลังแรกกับธนาคารที่คุ้มที่สุด

ธนาคาร

การซื้อบ้านหลังแรกเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ การศึกษาดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลายธนาคารเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเปรียบเทียบและเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุด โดย AP Thai ได้รวบรวมอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารไว้ ซึ่งสามารถตามอ่านต่อได้ที่ อัตราดอกเบี้ยบ้าน สินเชื่อบ้าน-คอนโด ทุกธนาคาร ล่าสุด

เทคนิคที่ 4: เตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านหลังแรก

เตรียมค่าใช้จ่ายบ้านหลังแรก

การวางแผนที่ดีต้องมองให้ครบทุกด้าน เพราะการซื้อบ้านหลังแรกไม่ได้หมายถึงการเตรียมเงินสำหรับราคาบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ทั้งค่าใช้จ่ายก่อนซื้อบ้านและค่าใช้จ่ายหลังซื้อบ้าน

1. ค่าใช้จ่ายก่อนโอนกรรมสิทธิ์บ้าน

  • ค่าจอง ค่าทำสัญญา (ค่ามัดจำ) เป็นเงินสำหรับจองบ้านที่ต้องการ โดยปกติค่าทำสัญญาจะอยู่ที่ประมาณ 5-20% ของราคาบ้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละโครงการ 
  • เงินดาวน์บ้าน เป็นเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระบางส่วนก่อนกู้สินเชื่อบ้าน โดยทั่วไปอยู่ที่ 10-20% ของราคาบ้าน หากชำระเงินดาวน์มากขึ้น จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระรายเดือนในอนาคต
  • ค่าประเมินราคาเมื่อขอสินเชื่อ ธนาคารเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนี้เพื่อประเมินราคาบ้านที่ต้องการกู้ซื้อ โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 1,000-5,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้ธนาคารเพื่อดำเนินการจดจำนองบ้าน โดยทั่วไปคิดเป็น 1% ของราคาบ้าน
  • ค่าโอนกรรมสิทธิ์ เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กรมที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์บ้าน โดยปกติจะอยู่ที่ 2% ของราคาบ้าน ซึ่งบางโครงการอาจมีโปรโมชันฟรีค่าโอนบ้านอีกด้วย แต่ถ้าหากใครอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม  AP Thai ได้รวบรวมรายละเอียดและค่าโอนกรรมสิทธิ์อัปเดตล่าสุด มาให้แล้ว สามารถตามอ่านต่อได้ที่ ค่าธรรมเนียมโอนที่ดินล่าสุด คำนวณยังไง มีค่าอะไรบ้าง?

 

2. ค่าใช้จ่ายหลังโอนกรรมสิทธิ์

  • ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาและการไฟฟ้า เพื่อขอติดตั้งมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าสำหรับบ้านใหม่ 
  • งบเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นงบประมาณสำหรับซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในบ้าน
  • งบตกแต่งบ้าน ค่าใช้จ่ายสำหรับตกแต่งบ้านให้ตรงกับความต้องการ เช่น การตกแต่งภายใน หรือการปรับปรุงพื้นที่ให้สวยงาม
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันชีวิต หรือค่าตกแต่งสวน เป็นต้น

เทคนิคที่ 5: เลือกซื้อบ้านหลังแรกที่ตอบโจทย์มากที่สุด

การจะเลือกซื้อบ้านหลังแรกให้ตอบโจทย์ และตรงใจประกอบไปด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะการสำรวจความต้องการของตนเอง ฟังก์ชันและดีไซน์ของบ้านที่ต้องการ เพื่อให้บ้านหลังแรกเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนและเติมเต็มความสุขในทุกวัน

1. เลือกโครงการบ้านที่น่าเชื่อถือและได้มาตฐาน

เลือกซื้อบ้านหลังแรกที่ตอบโจทย์

การศึกษาข้อมูลโครงการบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วนถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกบ้านหลังแรกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความต้องการและความคุ้มค่า เพราะบ้านไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้ในระยะยาว โดยเริ่มจากการตรวจสอบข้อมูลผู้พัฒนาโครงการว่ามีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ ตลอดจนมาตรฐานการก่อสร้างที่ชัดเจน รวมถึงแบบบ้าน แปลนบ้าน ขนาดพื้นที่ ฟังก์ชันการใช้งาน ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในโครงการให้ถี่ถ้วน

2. ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิต

บ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิต

บ้านแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน บ้านเดี่ยวเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด หรือคอนโด เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กหรือคนโสด สำรวจความต้องการและเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ได้ชีวิตประจำวัน ทั้งจำนวนห้องนอน ห้องน้ำ และขนาดพื้นที่ใช้สอยว่าเพียงพอไหม เพื่อให้ได้บ้านที่เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่ลงตัวทุกการใช้ชีวิต 

โดยโครงการบ้านจากเอพีมาพร้อมกับพื้นที่ภายในบ้านกว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยน ออกแบบฟังก์ชันได้ตรงใจ เหมาะสำหรับทุกครอบครัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขนาดเล็ก และครอบครัวขนาดใหญ่ ก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ 

3. สไตล์การตกแต่งบ้านที่ถูกใจ

สไตล์การตกแต่งบ้านที่ถูกใจ

นอกจากเลือกซื้อบ้านที่ตรงกับความต้องการใช้งานแล้ว ความสวยงามก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ สไตล์แต่งบ้านที่ถูกใจคือหัวใจที่ช่วยเติมเต็มความสุข ให้บ้านเป็นพื้นที่ที่รู้สึกผ่อนคลายและสะท้อนตัวตนได้อย่างชัดเจน โดยสไตล์บ้านมีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์มินิมอล บ้านสไตล์โมเดิร์น ที่พร้อมให้เลือกได้แบบตรงใจอีกด้วย

4. เลือกตามความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย

ออกแบบบ้านพร้อมความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย

การตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก นอกจากเรื่องของดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งานแล้ว หลักฮวงจุ้ยบ้านก็มีผลที่สำคัญเช่นกัน เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยส่งเสริมพลังงานที่ดีเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อให้คุณและสมาชิกในบ้านได้รับแต่สิ่งดี ๆ ช่วยเสริมในด้านการเงิน การงาน สุขภาพ อย่างการเลือกบ้านที่หันหน้าทิศตะวันออก ห้องครัวที่ไม่ตรงกับประตูบ้าน หรือบันไดที่ไม่ตรงกับประตูหน้าบ้าน ที่จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลและความสงบสุข เพื่อให้เราอยู่อาศัยได้สบายใจมากที่สุด

เทคนิคที่ 6: เลือกทำเลบ้านหลังแรกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

บ้านที่ดีคือบ้านที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา ไม่ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมากนัก เช่น ถ้าต้องทำงานในเมือง ก็เลือกบ้านในทำเลในเมืองหรือใกล้รถไฟฟ้า ถ้าชอบความสงบเป็นส่วนตัว หรืออยากได้พื้นที่บ้านใหญ่ ๆ ก็อาจจะเลือกบ้านที่ขยับออกจากเมืองมาสักหน่อย แต่ก็ยังสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ถ้าเป็นครอบครัวใหม่ ก็ควรเลือกบ้านที่รองรับการขยายของครอบครัว รวมถึงทำเลที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตในอนาคต

1. เลือกทำเลที่เดินทางสะดวก

การเดินทางสะดวกสบาย

การเดินทางเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกซื้อบ้าน โดยอาจจะเริ่มจากชีวิตประจำของเราก็ได้ว่าเราไปที่ไหนบ้าง สถานที่ทำงาน โรงเรียนลูก ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลประจำ จากนั้นสำรวจดูว่าถนน ทางด่วน หรือเส้นทางรถไฟฟ้าใกล้ ๆ ว่าผ่านบริเวณไหนได้บ้าง เพื่อให้เราสโคปพื้นที่ที่น่าสนใจได้ง่ายขึ้น เพราะการมีบ้านที่อยู่ใกล้ทางด่วนหรือสถานีรถไฟฟ้า ช่วยลดเวลาเดินทางไปทำงานหรือสถานที่สำคัญ ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรติดขัด

2. เลือกทำเลที่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่าง ๆ

สถานที่สำคัญรอบบ้าน

หลังจากที่เราได้ทำเลบ้านที่น่าสนใจแล้ว อาจจะลองสำรวจเพิ่มเติมว่าบริเวณใกล้เคียงมีอะไรที่ทำให้ชีวิตเราสบายขึ้นและครบวงจรมากขึ้น ตามหลักการของ ‘15-minute city’ หรือเมือง 15 นาที คือเมืองที่เราสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคทั้งหมดได้ภายใน 15 นาที ดังนั้นแล้วหากเราจะเลือกซื้อบ้านสักหลัง อาจจะต้องดูบริเวณโดยรอบด้วยว่าภายใน 15 นาทีนี้เรามีสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ครบแล้วหรือยัง ถ้าครบแล้วบ้านหลังนี้อาจเป็นบ้านที่ใช่ของเราจริง ๆ ก็ได้

เทคนิคที่ 7: ตรวจเช็กสภาพบ้านก่อนโอนบ้าน

การตรวจสอบบ้าน

หลังจากตัดสินใจพร้อมแล้วที่จะเลือกซื้อบ้านหลังนี้มาเป็นบ้านหลังแรกของเรา แต่จะเซ็นต์สัญญาโอนบ้านเลยก็คงจะไวเกินไป เพราะขั้นตอนที่เราควรจะทำมากที่สุดและข้ามไม่ได้ คือ การตรวจเช็กสภาพบ้านของเราก่อนโอน หากพบว่ามีอะไรผิดพลาด หรือมีจุดที่ต้องซ่อมแซมจะได้ให้โครงการแก้ไขก่อนที่จะโอนบ้าน ซึ่งตรวจรับบ้านก่อนโอน หากไม่จ้างผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองได้ไม่ยาก โดยมีวิธีการดังนี้

1. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจบ้าน

อุปกรณ์สำหรับตรวจสอบบ้าน

ควรเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ไฟฉาย สายวัด และกล้องถ่ายรูป พร้อมเช็กลิสต์สำหรับการตรวจบ้าน เพื่อบันทึกจุดที่มีปัญหาและประสานงานกับโครงการหรือผู้ขายบ้านให้แก้ไขบ้านให้เรียบร้อยก่อนการโอน

 

  • ไฟฉาย ใช้สำหรับตรวจบริเวณที่มืดหรือพื้นที่ที่แสงสว่างเข้าถึงไม่เพียงพอ เช่น ใต้บันไดหรือมุมเพดาน
  • กล้องถ่ายรูป สำหรับเก็บภาพจุดที่มีปัญหา หรือบันทึกส่วนที่ต้องแก้ไขไว้เป็นหลักฐานเพื่อแจ้งกับโครงการ
  • สายวัด ใช้ตรวจสอบขนาดของห้องหรือพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับแผนผังที่ระบุไว้
  • ไขควง ใช้สำหรับตรวจเช็กอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ตรวจความแน่นของสกรู หรือเปิด-ปิดปลั๊กไฟและสวิตช์
  • เทปกาว ใช้ติดเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายบริเวณที่มีปัญหา เช่น รอยร้าว หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ
  • ผังแปลนบ้าน เป็นเอกสารสำคัญสำหรับการตรวจสอบว่ารายละเอียดการก่อสร้างตรงตามที่ระบุไว้หรือไม่
  • สมุดโน้ต จดบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับพื้นที่หรือส่วนต่าง ๆ ที่พบปัญหา และสรุปผลการตรวจสอบ
  • ไม้ ใช้สำหรับเคาะผนังหรือพื้นเพื่อตรวจสอบความแน่นหรือจุดที่อาจมีโพรงอากาศ
  • อุปกรณ์สำหรับระบบน้ำและไฟฟ้า เครื่องวัดแรงดันไฟหรือเครื่องทดสอบการไหลของน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างปกติ

 

2. เช็กจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน

ตรววจสอบภายในบ้าน

ตรวจสอบโครงสร้างบ้าน เช่น รอยแตกร้าว พื้นที่เอียง ระบบประปาและไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้ง เช่น ลูกบิดประตู และก๊อกน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าบ้านพร้อมเข้าอยู่อย่างสมบูรณ์ นอกนั้นยังมีอีกหลายจุดที่ควรตรวจสอบ อาทิ

 

  • โครงสร้างบ้าน ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง เช่น รอยร้าวในผนัง พื้นที่เอียง หรือบริเวณที่มีการทรุดตัว
  • ระบบประปาและไฟฟ้า ทดสอบว่าก๊อกน้ำ สายไฟ สวิตช์ไฟ และปลั๊กไฟใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
  • อุปกรณ์ติดตั้งในบ้าน เช่น เช็กความเรียบร้อยของลูกบิดประตู บานพับหน้าต่าง หรือตะแกรงระบายน้ำ
  • พื้นที่ภายนอกบ้าน ตรวจสอบประตูรั้ว ท่อระบายน้ำ บริเวณสวน และพื้นที่รอบบ้านว่ามีปัญหาหรือชำรุดหรือไม่
  • พื้นที่ภายในบ้าน รวมถึงเสา คาน ผนัง ประตูห้อง ฝ้าเพดาน บันได หลังคา ระเบียง และระบบท่อน้ำและไฟฟ้าภายในบ้าน

เทคนิคที่ 8: ข้อควรระวังในการเลือกซื้อบ้านหลังแรก

ข้อควรระวังซื้อบ้านหลังแรก

อย่างไรก็ตาม หากเจอบ้านที่มีดีไซน์สวยตรงใจ พื้นที่ส่วนกลางตอบโจทย์แล้วจะซื้อได้เลย ก่อนการตัดสินใจซื้อบ้าน จะต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดโครงการให้รอบคอบทั้งเรื่องใบอนุญาตก่อสร้าง พื้นที่ใกล้เคียงโครงการอยู่ในสถานที่อันตรายตามโรงงานต่าง ๆ หรือไม่ ควรตรวจสอบสัญญาการซื้อขายอย่างละเอียด ดูความเรียบร้อยของตัวบ้านในทุกจุด และไม่ควรซื้อบ้านที่มีราคาสูงกว่างบที่ตั้งไว้ เพื่อให้ได้บ้านที่ดีและถูกใจมากที่สุด

 

เลือกซื้อบ้านหลังแรกกับ AP Thai พื้นที่แห่งความสุขที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต

บ้านหลังแรกที่ตรงใจ

‘บ้าน’ คือ พื้นที่ที่อบอวลไปด้วยความรักและความสุข บ้านที่ดีอาจไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ แค่เป็นบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว มีพื้นที่ให้แชร์ความสุขร่วมกันในทุก ๆ วัน ก็นับว่าเป็นบ้านในฝันแล้ว โครงการบ้านจาก AP Thai ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านหลักแรก พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัย เพิ่มความสบายเหนือระดับไปอีกขั้น พร้อมทั้งทำเลที่หลากหลายทั้งในและนอกเมือง เดินทางสะดวก เชื่อมต่อได้ทุกมุมเมือง 

 

ดูโครงการบ้านจาก AP Thai 

 

EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

RELATED ARTICLES