‘วอลเปเปอร์’ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้ห้องของคุณดูโดดเด่น เพิ่มความน่าสนใจขึ้นมาได้อย่างทันตา แถมยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศโดยรวมภายในห้องได้ด้วย ในบทความนี้ได้ทำการรวบรวม 9 วิธีในการเลือกวอลเปเปอร์สำหรับห้องนอนแบบเจาะลึก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโทนสี ทำความรู้จักชนิดของวอลเปเปอร์รูปแบบต่างๆ และการตกแต่งห้องนอนโดยรวมให้เรียบหรู พร้อมใส่ความเป็นตัวตนของคุณลงไปได้ เพราะห้องนอนเป็นพื้นที่ที่สามารถมอบพลังงานดีๆ ให้แก่เราตั้งแต่ตอนเข้านอน และก่อนเริ่มต้นวันใหม่ในทุกๆ วัน ฉะนั้นการตกแต่งจึงต้องมีความพิถีพิถัน เพื่อให้ตอบโจทย์สไตล์ของคุณ และการใช้งานที่ยาวนาน
เทรนด์การแต่งผนังห้องนอนด้วยการติดวอลเปเปอร์สไตล์ต่างๆ
ก่อนไปดูวิธีการเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังภายในห้องนอน มาอัปเดตเทรนด์วอลเปเปอร์ที่มาแรง และยังคงได้รับความนิยมแบบไม่มีตกกัน
-
เสริมความงามภายในบ้านด้วยวอลเปเปอร์ลายธรรมชาติ
การเลือกวอลเปเปอร์ที่มีสีหรือลวดลายแบบธรรมชาติ เช่น วอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนลายใบต้นปาล์ม หรือวอลเปเปอร์สีพื้นอย่างสีเขียว จะช่วยสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะเหมือนกับการที่เราดึงบรรยากาศความสวยงามภายนอกมาไว้ภายในบ้าน
-
เติมพื้นผิวสัมผัสสร้างลูกเล่นให้กับผนัง
อีกหนึ่งวอลเปเปอร์ที่ได้รับความนิยม คือ วอลเปเปอร์ที่มีพื้นผิว หรือเนื้อสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์ผ้า วอลเปเปอร์ลวดลายหินที่มีความเสมือนจริง นอกจากจะเป็นการเพิ่มมิติให้แก่ห้องนอนแล้ว ยังสามารถทำให้บรรยากาศของห้องดูหรูหรามีเอกลักษณ์ขึ้นมาได้เป็นอย่างดี
รู้จักประเภทต่างๆ ของวอลเปเปอร์
ในปัจจุบัน วอลเปเปอร์มีการใช้วัสดุในการผลิตที่หลากหลาย ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันตามความพึงพอใจและการใช้งานของแต่ละคน ดังนั้น มาทำความรู้จักประเภทของวอลเปเปอร์ทั้ง 6 ประเภทหลักกันก่อนเลย
1. Vinyl Wallpaper
วอลเปเปอร์ไวนิลได้รับความนิยมมากที่สุด โดยสามารถใช้ได้กับทุกห้องภายในบ้าน เพราะมีความแข็งแรงทนทาน ทั้งยังสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่กักเก็บฝุ่นละออง
2. Textile Wallpaper
วอลเปเปอร์ที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ หรือใยสังเคราะห์ เช่น ฝ้าย ไหม หรือโพลีเอสเตอร์ ซึ่งให้พื้นผิวสัมผัสที่ดูหรูหรา จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวอลเปเปอร์เพื่อสร้างบรรยากาศห้องนอนสุดหรูได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้วอลเปเปอร์ชนิดนี้กับห้องที่มีความชื้นสูง
3. Duplex Wallpaper
วอลเปเปอร์ชนิดกระดาษ เป็นวัสดุบุผนังที่ผลิตจากกระดาษพิมพ์ลายโดยไม่มีการเคลือบหน้า หรือเพียงเคลือบมันบางๆ ทำให้ไม่เหมาะที่จะติดในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ หรือห้องครัว เนื่องจากอาจทำให้วอลเปเปอร์เสื่อมอายุการใช้งานเร็วกว่าที่ควรได้
4. Non-Woven Wallpaper
เป็นวัสดุที่ผลิตจากเส้นใยเซลลูโลส เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม วอลเปเปอร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีน้ำหนักเบา บุบสลายและฉีกขาดยาก รวมไปถึง สามารถระบายความชื้นได้ดีกว่าวอลเปเปอร์ชนิดกระดาษ
5. Foam Wallcovering
ลักษณะอันโดดเด่นของวอลเปเปอร์ชนิดนี้ คือ ลวดลายที่นูนออกมา เหมาะกับพื้นที่ที่มีฝุ่นน้อย มีน้ำหนักเบาสามารถติดบนเพดานได้
6. Foil Wallpaper
ลักษณะเด่นของวอลเปเปอร์แผ่นฟอยล์ คือ ความมันเงา ที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก แต่วอลเปเปอร์ลักษณะนี้จะไม่ค่อยทนทาน อาจจะต้องมีการเปลี่ยนบ่อยกว่าวอลเปเปอร์รูปแบบอื่นๆ
9 ไอเดียเลือกวอลเปเปอร์ สำหรับห้องนอนสุดหรู
มาถึงขั้นตอนการแปลงโฉมห้องนอนธรรมดา ให้เป็นห้องนอนสุดหรูในรูปแบบของคุณด้วยการติดตั้งวอลเปเปอร์ ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาวอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนมี 9 ขั้นตอนด้วยกัน ที่รับรองว่าห้องนอนของคุณจะได้บรรยากาศที่เปลี่ยนไป ชวนให้ล้มตัวลงนอนตลอดทั้งวัน!
1. เลือกให้เหมาะสมกับสไตล์ห้องนอน
ก่อนอื่นให้คุณเริ่มต้นสำรวจการตกแต่งภายในห้องนอน อย่างโทนสีโดยรวม สีของเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งต่างๆ เพื่อให้การเลือกสไตล์ของวอลเปเปอร์ และกำหนดทิศทางการตกแต่งนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น และสามารถเข้ากันได้ดีกับส่วนประกอบอื่นๆ ภายในห้อง
-
สไตล์หรูหราแบบโมเดิร์น
หากสำรวจดูแล้วว่าห้องนอนของคุณมาในสไตล์โมเดิร์น และคุณอยากที่จะต่อยอดเพิ่มความหรูหรา ให้ลองเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนที่เป็นลวดลายเรขาคณิต หรือรูปทรงที่แปลกตา โดยอาจจะเลือกให้มีสีทองตัดขอบตามรูปทรงจะยิ่งช่วยทำให้ห้องดูหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม
-
สไตล์เรียบง่าย
หากสไตล์การตกแต่งของคุณมาในแนวเรียบง่าย เน้นความเป็นธรรมชาติอย่าง เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นงานไม้ต่างๆ อาจจะลองเลือกวอลเปเปอร์ที่ช่วยเพิ่มความสนุก และความหรูหราได้ในขณะเดียวกัน อย่างวอลเปเปอร์ลวดลายดอกไม้ หรือต้นปาล์ม เป็นต้น
2. สะกดทุกสายตาด้วยลวดลาย
นอกจาก ลวดลายต่างๆ บนวอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนจะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้แก่ห้องของคุณได้แล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้แก่ห้องนอนได้อีกด้วย จะมีลวดลายอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
-
วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายขนาดเล็ก
วอลเปเปอร์รูปแบบนี้จะช่วยทำให้ฉากหลังของห้องมีความละเอียดอ่อน ช่วยทำให้ห้องดูมีพื้นที่ และดูสว่างมากยิ่งขึ้น
-
วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายขนาดใหญ่
หากคุณต้องการให้ห้องนอนมีเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของคุณได้อย่างชัดเจน การเลือกใช้วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายขนาดใหญ่ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการสร้างความโดดเด่น โดยอาจจะเลือกใส่วอลเปเปอร์ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก็ทำให้ดูสวยงามไม่เบา
-
วอลเปเปอร์ลายเส้น
หากห้องนอนของคุณมีพื้นที่ระหว่างพื้นถึงเพดานที่ค่อนข้างต่ำ การเลือกใช้วอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนแบบลายตั้งจะช่วยทำให้ห้องดูสูงขึ้นได้ ส่วนห้องที่มีพื้นที่แคบ การเลือกใช้วอลเปเปอร์แบบลายขวางก็จะช่วยหลอกสายตาให้ห้องดูมีพื้นที่กว้างยิ่งขึ้นอีกด้วย
3. แมตช์โทนสีและลวดลายให้ลงตัว
ลวดลายและโทนสีของวอลเปเปอร์สามารถกำหนดบรรยากาศ และไฮไลต์ความสมบูรณ์แบบและความไม่สมบูรณ์แบบของห้องได้ ฉะนั้น มาทำความรู้จักเทคนิคง่ายๆ ในการจับคู่โทนสี และลวดลายของวอลเปเปอร์ เพื่อให้ได้ห้องนอนที่สวยงามและลงตัวกัน
-
สีโทนเย็น
การเลือกวอลเปเปอร์ในกลุ่มสีโทนเย็นอย่างสีเขียว สีคราม หรือสีน้ำเงินอมม่วง ที่บริเวณห้องนอนจะช่วยทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย ทั้งยังช่วยให้เกิดไอเดียและเพิ่มสมาธิได้ด้วย จึงนิยมนำมาใช้กับห้องทำงานเช่นเดียวกัน -
สีโทนสว่าง
หากเลือกใช้วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายขนาดเล็กกับโทนสีอ่อนหรือสีสว่าง จะช่วยทำให้ห้องนอนเล็กๆ ดูกว้างขึ้นมาได้ แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้วอลเปเปอร์ในสีโทนสว่าง กับห้องที่มีแสงสว่างส่องทั่วถึง เพราะจะทำให้ตัววอลเปเปอร์กลมกลืนไปกับห้องจนมองไม่เห็นได้ -
สีโทนเข้ม
หากเลือกใช้วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายขนาดใหญ่กับโทนสีเข้มจะช่วยส่งเสริมทำให้ห้องดูโดดเด่นสะดุดตา แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้กับห้องที่มีขนาดเล็ก เพราะจะยิ่งทำให้ห้องดูเล็ก และแคบลงไปอีก
4. คำนวณพื้นที่ผนังที่ต้องการติดวอลเปเปอร์
การคำนวณพื้นที่ที่จะติดวอลเปเปอร์ จะช่วยให้ทราบถึงจำนวนของวอลเปเปอร์ที่จำเป็นต้องใช้ในการเนรมิตห้องนอนสุดหรู ซึ่งต้องคิดให้เป็นค่าตารางเมตร โดยให้เริ่มจากการวัดความกว้างและความสูงของผนังทั้งหมดด้วยตลับเมตร ก่อนจะนำค่าตัวเลขมาคูณกัน ก็จะได้เป็นพื้นที่ของผนังทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น
รวมผนังห้องทั้ง 4 ด้าน = 54 ตารางเมตร หารด้วย 5 (วอลเปเปอร์ 1 ม้วนสามารถปูได้ 5 ตารางเมตร) ดังนั้น จำนวนวอลเปเปอร์ที่ต้องใช้ = 10.8 ให้ปัดเศษขึ้นเป็น 11 ม้วน
และข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน คือลักษณะของวอลเปเปอร์ เพราะวอลเปเปอร์ที่มีลวดลายมากๆ จะทำให้เสียเศษเยอะกว่าแบบลายพื้น และต้องใช้ปริมาณม้วนมากขึ้น
5. เน้นจุดโฟกัสสำหรับวอลเปเปอร์ในห้อง
ทำให้ห้องนอนของคุณน่าสนใจ และดึงการใช้วอลเปเปอร์ภายในห้องนอนให้ดูหรูขึ้นอีกขั้น ด้วยการใช้เทคนิคเน้นจุดโฟกัสได้ง่ายๆ โดยอาจจะทำการติดตั้งวอลเปเปอร์ที่ดูแตกต่างไว้ที่ผนังของหัวเตียง เพื่อดึงสายตาทั้งหมดไปที่ตรงส่วนนี้ แถมยังได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโรงแรมอีกด้วย
6. เพิ่ม Texture ด้วยวอลเปเปอร์ลายนูน
วอลเปเปอร์ถือเป็นสิ่งที่นักออกแบบภายในให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสามารถทำให้ห้องดูหรูหรา และน่าสนใจขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เพิ่มพื้นผิวสัมผัสไม่ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์ลายนูน หรือวอลเปเปอร์แบบผ้า ก็สามารถสร้างบรรยากาศที่แตกต่างได้
7. เพิ่มความสว่างด้วยแสงไฟ
สำหรับห้องนอนที่ไม่มีหน้าต่าง และค่อนข้างมืด ให้ลองเลือกใช้วอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอนเป็นสีโทนอ่อน หรือสีเมทัลลิกที่มีความมันวาว พร้อมกับทำการเพิ่มแสงไฟก็จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขวาง และสว่างขึ้นมาได้
8. เน้นอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การทำให้วอลเปเปอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานนั้น สิ่งสำคัญเลยคือการเลือกลักษณะของตัววอลเปเปอร์ให้เหมาะสมกับห้อง และการใช้งาน หากคุณชื่นชอบการตกแต่งบนผนัง อย่างการติดกรอบรูป ก็ควรเลือกผิวสัมผัสของวอลเปเปอร์ที่แข็งแรงเป็นพิเศษ หรือหากคุณชื่นชอบลวดลายเสมือนจริง ขอแนะนำวอลเปเปอร์แบบไวนิลก็จะสามารถตอบโจทย์ได้ดี
9. ฝุ่นไม่เกาะ ทำความสะอาดง่าย
อีกหนึ่งในไอเดียในการเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอน คือให้เลือกรูปแบบที่ไม่เก็บฝุ่น สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อรักษาให้ห้องนอนของคุณถูกสุขลักษณะ และปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้าน
การดูแลรักษาวอลเปเปอร์ห้องนอนเพื่อยืดอายุการใช้งาน
วิธีการดูแลรักษาวอลเปเปอร์ให้สวยงามอยู่เสมอ คือการหมั่นใช้แปรงขนไก่ปัดฝุ่นบนพื้นผิว และพยายามดูแลไม่ให้วอลเปเปอร์เปียกชื้น เพื่อป้องกันการหลุดล่อน และที่สำคัญคือหากเจอบริเวณที่ชำรุดอย่างตัวขอบของวอลเปเปอร์ควรซ่อมแซมโดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลามไปทั่วทั้งแผ่น
ทั้งหมดนี้คือ 9 ไอเดียของการเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังห้องนอน ที่จะให้ช่วยให้ห้องที่ดูธรรมดา มีลูกเล่น และดูหรูหรามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกวอลเปเปอร์ห้องนอน คือ ความเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้คุณมีห้องนอนที่ดีและถูกสุขลักษณะ อันนำไปสู่การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมในทุกช่วงเวลาได้