KNOW HOW
  • Home Guide

    สนามหญ้าหน้าบ้าน เลือกพันธุ์ไหนดี พร้อมวิธีปูและดูแลให้สวย

    ทำความรู้จัก 6 สายพันธุ์หญ้า เลือกพันธุ์ไหนดี พร้อมวิธีการปลูกและการปูหญ้า พร้อมการดูแลสนามหญ้าหน้าบ้านให้สวยด้วยตนเอง ฉบับเข้าใจง่าย

    AP THAILAND

    AP THAILAND

    สนามหญ้าหน้าบ้าน

    MAIN POINT

     

    • 6 สายพันธุ์หญ้ายอดนิยม ที่เหมาะสำหรับการปูสนามหญ้าสวยภายในบ้าน คือ หญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น หญ้ามาเลเซีย หญ้าไทเป หญ้าเบอร์มิวด้า และหญ้าพาสพาลัม โดยสามารถเลือกสรรได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ และความชอบของเจ้าของบ้าน
    • การปลูกหญ้าโดยทั่วไปมี 5 วิธีด้วยกัน คือ การปลูกโดยใช้เมล็ด การปลูกโดยใช้แผ่นหญ้า การปลูกแบบหว่าน การปลูกโดยใช้ท่อนหญ้า และการปลูกแบบแยกต้น

     

    สนามหญ้าไม่ใช่แค่พื้นที่สีเขียวที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้าน แต่ยังเป็นลานกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสุขของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ให้เด็ก ๆ หรือสัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่น มุมจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกับเพื่อน หรือแม้แต่โซนพักผ่อนสำหรับนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ยามเช้า การเลือกสายพันธุ์หญ้าที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องความสวยงาม การดูแลรักษา และความทนทานต่อการใช้งาน

     

    บทความนี้ AP Thai จะพาไปทำความรู้จักกับหญ้าชนิดต่าง ๆ ทั้งข้อดี-ข้อด้อย วิธีการปลูก การดูแลรักษา และพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสมของหญ้าแต่ละสายพันธุ์ พร้อมให้ทุกคนสามารถปูหญ้าให้สวยด้วยตนเองได้ง่าย ๆ

    6 สายพันธุ์หญ้าที่เหมาะกับการปูสนามหญ้า

    สายพันธุ์หญ้าที่ได้รับความนิยมและเหมาะสำหรับการปูสนามหญ้าภายในบ้านให้สวยงาม มีด้วยกัน 6 สายพันธุ์ คือ หญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น หญ้ามาเลเซีย หญ้าไทเป หญ้าเบอร์มิวด้า และหญ้าพาสพาลัม

    1. หญ้าญี่ปุ่น

    หญ้าญี่ปุ่น

     

    หญ้าญี่ปุ่น (Japanese Lawn Grass) มีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของประเทศจีนและคาบสมุทรเกาหลี มีลักษณะลำต้นตั้งแข็งและเลื้อยแผ่ไปตามหน้าดิน ใบละเอียดสีเขียวเข้ม ขอบเรียบ ไม่มีขน ปลายใบแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น ระคายผิวหนังเมื่อสัมผัส และออกดอกเป็นช่อสั้น โดยหญ้าญี่ปุ่นจะมี 2 ชนิด ได้แก่

     

    1. ชนิดใบกว้าง: ขนาดใบประมาณ 4 มิลลิเมตร
    2. ชนิดใบกลม: ขนาดใบเล็กและละเอียดกว่า เป็นชนิดที่นิยมปลูกในประเทศไทย

     

    • ข้อดี: สวยงาม ทนต่ออากาศร้อนและแห้งแล้ง รากแข็งแรง ใบหนาแน่น หากติดดินแล้วตายยาก
    • ข้อด้อย: เติบโตช้า ใบแข็งกระด้าง ต้องหมั่นตัดให้สั้น หากปล่อยทิ้งไว้นานจะเป็นกระจุก เหนียว ตัดแต่งลำบาก
    • วิธีการปลูก: เติบโตได้ดีในดินเหนียว โดยนิยมใช้ส่วนต่าง ๆ ของต้นในการปลูก เช่น ปลูกแยกต้น ปลูกเป็นกระจุก หรือการปูเป็นแผ่น ทั้งนี้สามารถปลูกด้วยวิธีเพาะเมล็ดได้ แต่ไม่นิยม เพราะเติบโตช้า
    • วิธีการดูแล: หญ้าญี่ปุ่นชอบแสงแดดจัด ทนต่ออากาศร้อนและแห้งแล้งได้ดี ต้องการน้ำมาก ไม่ชอบที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง ควรตัดแต่งทุก ๆ 5-10 วัน 
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับการปลูกเพื่อความสวยงาม เช่น สวนหย่อม ที่ต้องมีการตัดแต่งดูแลอยู่เสมอ

    2. หญ้านวลน้อย

    หญ้านวลน้อย

     

    หญ้านวลน้อย (Manila Grass) หรือหญ้ามะนิลา เป็นหญ้าพันธุ์พื้นเมืองของไทยที่นิยมปลูกมากที่สุด มีลักษณะลำต้นตั้ง แข็งแรง ใบสีเขียวอ่อนขนาดกลาง คล้ายหญ้าญี่ปุ่นแต่ขนาดใบกว้างกว่า ยืดหยุ่นได้ดี และออกดอกเป็นช่อยาว เมื่อตัดให้ได้ความยาวที่พอเหมาะจะเป็นเหมือนพื้นพรม ไม่แข็งกระด้าง ไม่ระคายเคืองผิวหนัง



    • ข้อดี: เติบโตเร็ว คลุมดินสวย ตัดแต่งง่าย ทนต่อแสงแดดและการเหยียบย่ำได้ดี
    • ข้อด้อย: ตายง่าย หากเจอสภาพอากาศที่ร้อน แห้งแล้ง หรือขาดน้ำนาน ต้องหมั่นรดน้ำให้เพียงพอ
    • วิธีการปลูก: นิยมใช้ลำต้นปลูก เพราะขยายพันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะกับดินร่วนที่ระบายน้ำได้ ทั้งนี้ปลูกขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ตั้งแต่ดินเหนียวไปจนถึงดินทราย เพราะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
    • วิธีการดูแล: หญ้านวลน้อยชอบที่กลางแจ้ง หรือในร่มที่มีแสงแดดส่องถึง สามารถทนต่ออากาศร้อน แห้งแล้ง หรือน้ำท่วมขังได้เป็นครั้งคราว ต้องหมั่นรดน้ำปานกลางอย่างสม่ำเสมอ และตัดแต่งทุก ๆ 1-2 สัปดาห์
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: นิยมใช้งานอเนกประสงค์ ตั้งแต่สนามหญ้าหน้าบ้าน ไปจนถึงสนามหญ้าทั่วไป เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ รวมถึงใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดิน ป้องกันการกัดเซาะหน้าดินได้ด้วย

    3. หญ้ามาเลเซีย

    หญ้ามาเลเซีย

     

    หญ้ามาเลเซีย (Tropical Carpet) เป็นหญ้าใบใหญ่ที่สุดในกลุ่มของหญ้าปูสนาม มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก ความสูงตั้งแต่ 4-30 ซม. ลำต้นกลวง ข้อปล้องชัด แผ่นใบเดี่ยวขนาด 1-2 ซม. สีเขียวเข้ม ปลายแหลมเรียวยาว ขอบใบหยักเป็นคลื่น และออกดอกเป็นช่อ มีดอกย่อยประมาณ 3-5 ดอก

     

    • ข้อดี: ใบฟูหนา ป้องกันวัชพืชได้ ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น เติบโตได้ดีในแสงแดดรำไร
    • ข้อด้อย: ไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ ใต้ใบมีขน อาจระคายเคืองสำหรับเด็กหรือผู้ที่แพ้ง่าย
    • วิธีการปลูก: นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ เจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน โดยเฉพาะดินร่วน 
    • วิธีการดูแล: หญ้ามาเลเซียชอบที่ร่ม แสงแดดน้อยรำไร และต้องการน้ำมาก แต่ไม่ถูกกับน้ำขัง ควรตัดแต่งทุก ๆ 10-15 วัน
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับปูสนามหญ้าหรือจัดสวนในที่ร่ม แสงแดดน้อย เช่น ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใต้ชายคาบ้าน หากปลูกไว้กลางแจ้ง จำเป็นต้องรดน้ำให้มากขึ้น ทั้งนี้หากทำเป็นสนามเด็กเล่น ให้ระวังขนใต้ใบหญ้า อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเด็กได้

    4.หญ้าไทเป

    หญ้าไทเป

     

    หญ้าไทเป (Broadleaf Carpet Grass) หรือหญ้ามาเลเซียแคระ ลักษณะทั่วไปคล้ายกับหญ้ามาเลเซีย แต่มีข้อปล้องชัดและสั้นกว่า มีความสูงตั้งแต่ 4-30 ซม. ลำต้นกลวง เลื้อยอยู่ใต้ดิน บนดินมีเพียงส่วนใบที่แผ่ไปด้านข้าง ขนานกับพื้นดินโดยธรรมชาติ จึงไม่ต้องตัดแต่งบ่อย ๆ  

     

    • ข้อดี: ไม่ต้องตัดแต่งบ่อย เมื่อขึ้นปกคลุมพื้นที่จะมีความหนาแน่นทึบ ป้องกันวัชพืชขึ้นแทรกได้ดี 
    • ข้อด้อย: ราคาสูง และใช้เวลานานกว่าจะเติบโตจนประสานกันสวยงาม
    • วิธีการปลูก: นิยมใช้วิธีปลูกแยกต้น เข้ากันได้ดีกับหลายสภาพดิน ทั้งดินร่วน ไปจนถึงดินเหนียวที่เฉอะแฉะ ยกเว้นดินเค็มและดินเปรี้ยว โดยสามารถปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและในร่ม ทั้งนี้หากปลูกกลางแจ้งที่แสงแดดส่องถึง จะให้สัมผัสขณะเหยียบที่นุ่มกว่า 
    • วิธีการดูแล: หญ้าไทเปชอบน้ำปานกลาง แต่ในช่วงที่ปลูกใหม่ ๆ ควรหมั่นรดน้ำ เช้า-เย็น หากมีแดดจัด ยิ่งต้องรดน้ำบ่อยขึ้น
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับใช้ทำเป็นลานหน้าบ้าน เพราะสามารถปลูกไว้ได้นานหลายปี โดยไม่ต้องตัดหญ้าบ่อย ๆ

    5. หญ้าเบอร์มิวด้า

    หญ้าเบอร์มิวด้า

     

     

    หญ้าเบอร์มิวด้า (Bermuda Grass) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ หญ้าแพรก มีลักษณะลำต้นค่อนข้างแบนเล็ก ใบสีเขียวเข้ม แตกกิ่งก้านสาขาปกคลุมดินเป็นกระจุก รูปทรงใบบางเรียว ปลายแหลม โคนใบมีขนเล็ก ๆ สีขาว เนื้อสัมผัสค่อนข้างหยาบ และออกดอกเป็นช่อสามเหลี่ยม ที่มีดอกย่อยอยู่ประมาณ 4-5 แขนง

     

    • ข้อดี: สามารถอยู่ได้ในทุกสภาพแวดล้อม ทนต่อความแห้งแล้งและขาดน้ำได้ ทนการเหยียบย่ำได้ดี
    • ข้อด้อย: ต้องตัดแต่งให้สั้นอยู่เสมอ เติบโตเร็วจนอาจมีวัชพืช หรือแทรกตัวขึ้นตามรอยแยก ทำให้ดูไม่สวยงามเป็นระเบียบ
    • วิธีการปลูก: นิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด กิ่ง ราก และแตกลำต้นไปตามพื้นดิน หรือใช้วิธีแซะต้นหญ้าจากริมถนนไปปลูกเป็นกระจุกได้ เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด และต้องการความชื้นในปริมาณค่อนข้างมาก
    • วิธีการดูแล: หญ้าเบอร์มิวด้าชอบแสงแดดจัด น้ำปริมาณที่พอดี สามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้นาน หากต้องการให้หญ้ามีสีเขียวชอุ่ม ควรหมั่นรดน้ำ และตัดแต่งเดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อความสวยงาม
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับปลูกเป็นสนามหญ้าทั่วไป เช่น สนามกอล์ฟ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และสนามหญ้าสำหรับการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการปลูกคลุมดิน เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน

    6. หญ้าพาสพาลัม

    หญ้าพาสพาลัม

     

     

    หญ้าพาสพาลัม (Paspalum Grass) เป็นพืชในตระกูลหญ้าที่แพร่หลายไปทั่วเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา เจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน มีลักษณะใบสีเขียวเข้ม ปลายใบมน ไม่แหลม มีขนาดใกล้เคียงกับหญ้านวลน้อย แต่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลมากกว่า

     

    • ข้อดี: สดชื่นสบายตาจากสีเขียวที่เข้มกว่าหญ้าชนิดอื่น ใบมน ไม่แหลม ให้ความรู้สึกนุ่มเมื่อสัมผัส ทนต่ออากาศร้อนและแห้งแล้งได้
    • ข้อด้อย: ไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ เพราะใบหญ้านุ่ม รวมถึงมักมีแมลงและหนอนรบกวนอยู่บ่อยครั้ง
    • วิธีการปลูก: ปลูกด้วยวิธีการหว่านโดยใช้ส่วนข้อ ปล้อง ลำต้น ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี โดยเฉพาะดินร่วนปนทราย ทนต่อดินเค็มได้บ้างพอสมควร สามารถปลูกในบริเวณชายทะเลได้
    • วิธีการดูแล: หญ้าพาสพาลัมควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นหญ้ามีความสมบูรณ์ หมั่นกำจัดวัชพืชเมื่อพบเห็น และควรตัดแต่งทุก ๆ 7-10 วัน
    • พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะแก่การปลูกบริเวณ สนามหญ้าหน้าบ้าน สนามกีฬา สวนหย่อม ต่าง ๆ เพราะทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี

    สรุป 6 สายพันธุ์หญ้า กับพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม

    สายพันธุ์หญ้า พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม
    หญ้าญี่ปุ่น ปลูกเพื่อความสวยงาม เช่น สวนหย่อมที่ต้องมีการตัดแต่งดูแลอยู่เสมอ
    หญ้านวลน้อย นิยมใช้งานอเนกประสงค์ ตั้งแต่สนามหญ้าหน้าบ้านไปจนถึงสนามหญ้าทั่วไป
    หญ้ามาเลเซีย ปูสนามหญ้าหรือจัดสวนในที่ร่มแสงแดดน้อย เช่น ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใต้ชายคาบ้าน
    หญ้าไทเป ปูเป็นลานหน้าบ้าน เพราะสามารถปลูกไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องตัดหญ้าบ่อย
    หญ้าเบอร์มิวด้า ปูสนามหญ้าทั่วไป เช่น สนามเด็กเล่น สนามหญ้าสำหรับการเลี้ยงสัตว์ สนามกอล์ฟ
    หญ้าพาสพาลัม ปลูกบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน สวนหย่อม สนามกีฬา

    5 วิธีปูหญ้าหน้าบ้านให้สวยด้วยตัวเอง

    สนามหญ้า

    1. การปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้เมล็ด

    เมล็ดหญ้า

     

    การปลูกหญ้าด้วยเมล็ดต้องอาศัยความใส่ใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน ไปจนถึงการดูแลรักษาในระยะเริ่มต้น อีกทั้งเมล็ดหญ้าหลายสายพันธุ์ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมในไทย

    วิธีการปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้เมล็ด 

    1. เตรียมดินที่จะปลูก
    2. รดน้ำให้ชุ่มชื้น
    3. ผสมเมล็ดหญ้าขนาดเล็กกับทรายแล้วหว่านให้ทั่ว
    4. กลบหน้าดินด้วยขี้เลื่อยหรือลูกกลิ้งน้ำหนักเบา
    5. ช่วงแรกหลังหว่านเมล็ด ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไป ยกเว้นในวันที่ดินแห้งจริง ๆ

    2. การปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้แผ่นหญ้า

    แผ่นหญ้า

     

    การปูหญ้าหน้าบ้านด้วยการใช้แผ่นหญ้า นิยมใช้แผ่นหญ้าขนาด 50x50 ซม. หรือแล้วแต่ความต้องการของผู้ปลูก เป็นวิธีที่ปูสนามหญ้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะใช้หญ้าทั้งแผ่นปูได้ทันที ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการปลูกด้วยเมล็ด เหมาะสำหรับการปลูกสายพันธุ์หญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น และหญ้ามาเลเซีย

    วิธีการปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้แผ่นหญ้า

    1. เตรียมดินให้พร้อมสำหรับการปลูก
    2. เกลี่ยหน้าดินให้อยู่ระดับต่ำกว่าที่ต้องการเล็กน้อย
    3. ปูแผ่นหญ้าที่เตรียมไว้ลงไป โดยสามารถปูได้ทั้งแบบชิดกัน หรือห่างกันเล็กน้อย
    4. กดทับให้หญ้าติดกันมิดชิด ด้วยลูกกลิ้งน้ำหนักเบา
    5. รดน้ำให้ชุ่มชื้น

    3. การปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้ท่อนหญ้า

    กดแผ่นหญ้าลงดิน

     

    การปูหญ้าหน้าบ้านด้วยการใช้ท่อนหญ้า เป็นการตัดหญ้าแผ่นใหญ่ให้กลายเป็นแผ่นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 2-3 นิ้ว แล้วนำไปวางปลูกลงในดิน โดยเป็นการปูพรม ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เหมาะสำหรับการปูสนามขนาดใหญ่ และหญ้าที่เจริญเติบโตได้ดีในแนวนอนขนาดกับพื้น เช่น หญ้านวลน้อย หญ้ามาเลเซีย หญ้าเบอร์มิวด้า 

    วิธีการปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้ท่อนหญ้า

    1. เตรียมดินที่จะปลูก
    2. รดน้ำให้ดินพอชุ่มชื้น
    3. นำดินเลนมาฉาบบนดินพอประมาณ เพื่อให้รากยึดกับดินได้ดี
    4. ตัดหญ้าแผ่นใหญ่ให้เป็นแผ่นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 2-3 นิ้ว
    5. นำแผ่นหญ้าไปจุ่มน้ำให้ชุ่มก่อน
    6. กดรากลงในดินเลนให้แน่น
    7. รดน้ำให้ชุ่มชื้น

    4. การปูหญ้าหน้าบ้าน แบบแยกต้นหรือปักดำเป็นแถว

    การปลูกหญ้าเป็นแถว

     

    การปูหญ้าหน้าบ้านด้วยการแยกต้นหรือปักดำเป็นแถว เป็นการใช้ส่วนของลำต้นหรือที่เรียกว่า ไหล (Stolon) แบ่งเป็นกอ นำไปวางปลูกในร่องดินที่เตรียมไว้เป็นแถว ๆ ทีละต้น จึงต้องอาศัยระยะเวลาในการให้หญ้าขึ้นเต็มพื้นที่ เหมาะสำหรับการปลูกสายพันธุ์หญ้านวลน้อย หญ้านวลจันทร์ และหญ้าแพรก

    วิธีการปูหญ้าหน้าบ้าน แบบแยกต้นหรือปักดำเป็นแถว

    1. เตรียมดินที่จะปลูก
    2. รดน้ำให้ชุ่มชื้น
    3. นำดินเลนจากท้องร่อง มาลงบนพื้นที่ที่เตรียมไว้
    4. สร้างร่องแถวยาว ๆ โดยเว้นระยะห่างพอประมาณ
    5. แยกหญ้าออกเป็นกอขนาดเล็ก แล้ววางลงในร่องที่เตรียมไว้
    6. กลบดินให้แน่น หมั่นรดน้ำ และถอนวัชพืช

    5. การปูหญ้าหน้าบ้าน ด้วยการหว่าน

    ไหลหญ้า

     

    การปูหญ้าหน้าบ้านด้วยการหว่าน เป็นการใช้ส่วนของลำต้นที่เรียกว่า ไหล (Stolon) นำไปหว่านลงในดินเลน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่าย เพียงแต่ต้องอาศัยความใจเย็น เพราะใช้ระยะเวลานาน เหมาะสำหรับการปลูกสายพันธุ์หญ้าเบอร์มิวด้า หญ้านวลน้อย หญ้านวลจันทร์ และหญ้าแพรก

    วิธีการปูหญ้าหน้าบ้าน แบบใช้การหว่าน

    1. เตรียมดินที่จะปลูก
    2. รดน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น
    3. นำดินเลนจากท้องร่อง มาลงบนพื้นที่ที่ต้องการปลูก
    4. ตัดส่วนยอดลำต้นที่มีข้อปล้องมาแช่น้ำ และแยกออกจากกันเป็นต้น ๆ
    5. จากนั้นนำไปหว่านลงในดินเลน
    6. กดต้นให้ติดกับดินเลนอย่างแน่นหนา 
    7. รดน้ำให้ดินชุ่มชื้น

    5 เคล็ดลับการปลูกหญ้าให้สวยด้วยตนเอง

    การรดน้ำหญ้า

     

    เคล็ดลับการปลูกหญ้าหน้าบ้านให้สวย สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง เพียงแค่เตรียมพื้นที่ให้พร้อม ใส่ใจดูแลรดน้ำ ตัดแต่ง พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และคอยกำจัดศัตรูตัวฉกาจอย่างวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

    1. เตรียมพื้นที่ให้พร้อม

    เมื่อตัดสินใจเลือกพันธุ์หญ้าที่จะปลูกตามความต้องการเรียบร้อยแล้ว ควรเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการปลูกหญ้า เลือกดินที่เหมาะสม ปรับระดับหน้าดินให้เรียบเสมอกัน เพื่อป้องกันการเกิดน้ำขัง และกำจัดตัวขัดขวางการเจริญเติบโตอย่างวัชพืช

    2. รดน้ำสม่ำเสมอ

    ช่วง 1-3 สัปดาห์แรกของการเพาะปลูก ถือเป็นช่วงที่หญ้าต้องการน้ำปริมาณมาก จึงควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 3 เวลา เมื่อหญ้าเริ่มยึดเกาะกับพื้นดินได้ดีแล้ว ค่อยลดความถี่การรดน้ำลงเป็น 1-2 ครั้ง หรือหากเป็นหน้าฝน อาจค่อยรดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม ควรรดน้ำในปริมาณที่พอดี ไม่ชุ่มเกินไป และใส่ใจดูแลรักษาหญ้าตามสายพันธุ์ให้เหมาะสม

    3. ตัดหญ้าให้สวยงาม

    เมื่อถึงระยะที่หญ้าเริ่มเจริญเติบโต โดยทั่วไปควรหมั่นตัดหญ้าทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้อาจใช้เวลาเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับหญ้าแต่ละสายพันธุ์ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการตัดหญ้าจนสั้นเกินไป เพราะอาจทำให้หญ้าเสียหายได้ ต้องสังเกตความยาวที่พอดี เพื่อตัดแต่งได้อย่างความสวยงาม เป็นระเบียบ และป้องกันแมลงวัชพืชมารบกวน

    4. หมั่นพรวนดินและใส่ปุ๋ย

    หญ้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนกับคน โดยทั่วไปควรพรวนดินปีละ 1-2 ครั้ง ด้วยการใช้อุปกรณ์หรือของแหลมเจาะดินให้เป็นรูๆ จะช่วยให้ดินโปร่ง และรากหญ้าเจริญเติบโตได้ดี รวมถึงใส่ปุ๋ยไนโตรเจนทุก 2-3 เดือน เป็นการเติมอาหารให้หญ้าสีเขียวขจี โดยระมัดระวังไม่ใส่ปุ๋ยในปริมาณมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ดินมีความเค็มสูงได้

    5. กำจัดวัชพืช

    วัชพืชก็เป็นเหมือนศัตรูที่มาดูดซับน้ำและสารอาหารต่าง ๆ ซึ่งขัดขวางการเจริญเติบโตของหญ้า จึงควรหมั่นสังเกตและกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หญ้าเติบโตในสภาพแวดล้อมบ้านของเราได้อย่างเต็มที่

     

    ครบเครื่องเรื่องพื้นที่สีเขียว ด้วยบทความน่ารู้จากเอพี

     

    ปูสนามหญ้าหน้าบ้าน ให้สวยงามน่าอยู่ 

    การปูสนามหญ้าหน้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ควรเริ่มต้นจากการประเมินข้อดี ข้อด้อย วิธีการปลูก วิธีดูแลรักษา รวมถึงวางแผนพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสมสำหรับหญ้าแต่ละสายพันธุ์ให้รอบคอบ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงามและน่าอยู่อาศัยในระยะยาว

     

    เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต

    เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมดีไซน์สวยหรือบ้านแฝดฟังก์ชันใหญ่ คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

     

    EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

    RELATED ARTICLES