สถาปัตยกรรมและการออกแบบเป็นศาสตร์ที่มีวิวัฒนาการตามยุคสมัยอยู่เสมอ ความงดงามของศิลปะแต่ละช่วงเวลาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้คน หนึ่งในนั้น คือ Beaux Arts ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปและอเมริกาช่วงปลายศตวรรษที่ 19
AP Thai ชวนมาสำรวจเรื่องราวของสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา ที่ผสมผสานความคลาสสิกและศิลปะยุคใหม่อย่างลงตัว ร่วมกับแนวคิดการเชื่อมโยงวิถีชีวิตของคนยุคใหม่เข้ากับธรรมชาติเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ผ่านการออกแบบสไตล์ Beaux Arts และ Biophilic Design ในปัจจุบัน
ประวัติและที่มาของสถาปัตยกรรมสไตล์ Beaux Art
Beaux Art หรือ สถาปัตยกรรมวิจิตรศิลป์ เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากการผสมผสานแนวคิดระหว่างศิลปะกรีก-โรมัน ศิลปะเรเนซองส์อิตาลี และศิลปะบารอกฝรั่งเศส โดยคำว่า ‘Beaux Art’ นั้นมาจากชื่อของ École des Beaux-Arts โรงเรียนสถาปัตยกรรมชื่อดังแห่งกรุงปารีส ต้นกำเนิดศิลปินและสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมากมาย
สถาปัตยกรรม Beaux Arts เป็นความลงตัวอันงดงามของศิลปะยุคคลาสสิกและศิลปะสมัยใหม่ ความประณีตอลังการนี้เป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในยุโรปและอเมริกาช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยดีไซน์ที่มีความเป็นทางการ
สถาปัตยกรรม Beaux Arts จึงถูกนำไปใช้ในการออกแบบอาคารราชการ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หอสมุด และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
ลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์ Beaux Art
สถาปัตยกรรม Beaux Arts ให้ความสำคัญกับโครงสร้างที่มีความสมมาตร สร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ตระการตาตั้งแต่หน้าทางเข้าจรดการตกแต่งภายใน
เน้นความสมมาตร: สถาปัตยกรรม Beaux Arts ยังคงเก็บรายละเอียดของความสมมาตรแบบคลาสสิกดั้งเดิมเอาไว้ อาคารส่วนใหญ่มักยกฐานชั้นแรก และออกแบบภายในเป็นระดับชั้นเพื่อเน้นความยิ่งใหญ่และความสมดุล
การออกแบบอลังการ: เก็บรายละเอียดต่างๆ อย่างเพดาน บัว หน้าจั่ว และหัวเสาด้วยการผสมผสานศิลปะกรีก-โรมันที่โออ่าประณีตเข้าไป และเปิดรับแสงธรรมชาติด้วยบานหน้าต่างและซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ เพิ่มความโปร่งภายในอาคาร
การประดับตกแต่งอันโดดเด่น: ทั้งภายในและภายนอกอาคารของสถาปัตยกรรม Beaux Arts มักมีจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้น ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังมีนัยยะสื่อถึงความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ สถาปัตยกรรม Beaux Arts ยังนิยมใช้วัสดุตกแต่งเป็นอิฐ หินปูน หินอ่อน และทองคำ ที่มีโทนสีเรียบง่ายสะอาดตาแต่ให้ความรู้สึกมีระดับ เพื่อเพิ่มความหรูหราอลังการให้กับอาคารและสิ่งปลูกสร้างมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบด้วย Beaux Art
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 สถาปัตยกรรมแบบ Beaux Art ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในยุโรปและอเมริกา โรงอุปรากร Palais Garnier แห่งฝรั่งเศสเป็นตัวอย่างของการถ่ายทอดความวิจิตรของสถาปัตยกรรม Beaux Arts ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งภายในและภายนอกอาคาร จนได้รับการยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุค
โรงอุปรากร Palais Garnier
ส่วนในสหรัฐอเมริกา สถาปนิกชาวอเมริกันชื่อดังอย่าง Richard Morris Hunt และ Charles McKim ศิษย์เก่าจากโรงเรียนสถาปัตยกรรม École des Beaux-Arts ก็ได้นำเสนอเสน่ห์ของสถาปัตยกรรม Beaux Arts ในงานออกแบบอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น The New York Public Library และ Grand Central Terminal นอกจากนี้ยังมี The Library of Congress, Thomas Jefferson Building หอสมุดรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรม Beaux Arts อันโดดเด่น สร้างจากวัสดุชั้นดีเยี่ยมที่มีอายุการใช้งานได้ถึงพันปี
The New York Public Library
Grand Central Terminal
The Library of Congress, Thomas Jefferson Building
สำหรับในประเทศไทย แม้จะไม่ได้ตั้งอยู่ในโซนยุโรป แต่ก็พบกลิ่นอายของสถาปัตยกรรม Beaux Arts ที่ได้เข้ามามีอิทธิพลในไทยได้จาก “ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย” ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสถาปนิกชาวอิตาลี เป็นอาคารสีเหลืองไข่ที่ทอดยาวขนาบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งภายในและภายนอกออกแบบตามหลักสมมาตร ประดับตกแต่งด้วยเสาไอโอนิกตามศิลปะกรีก-โรมัน อาคารหลังนี้ยังที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรม ASA ในปี พ.ศ. 2525 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของย่านตลาดน้อยอีกด้วย
ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย
อิทธิพลของสถาปัตยกรรม Beaux Art ต่อศิลปะแขนงอื่น ๆ
เอกลักษณ์ความประณีตของสถาปัตยกรรม Beaux Art ได้ถ่ายทอดสู่ศิลปะแขนงอื่น ๆ ไม่เพียงการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง แต่ยังอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเช่นกัน
- ด้านแฟชั่น: Beaux Art ได้ส่งต่อความใส่ใจในรายละเอียดให้กับวงการแฟชั่น เสื้อผ้าที่ได้รับอิทธิพลจาก Beaux Art มักเป็นผ้าไหม ผ้าซาตินที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ตัดเย็บตกแต่งลวดลายสวยงาม และประดับด้วยดิ้นทอง ไข่มุก ลูกไม้ เพิ่มความสง่างามให้กับผู้สวมใส่ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย
- ด้านการตกแต่งภายใน: แนวคิดเพิ่มพื้นที่เปิดโล่งของ Beaux Art ส่งผลให้การออกแบบภายในเน้นรับแสงธรรมชาติจากภายนอกมากขึ้น การตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราและโทนสีอุ่นยิ่งช่วยเสริมบรรยากาศโออ่าและกลิ่นอายของความคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลา
จากสถาปัตยกรรม Beaux Art ยุคคลาสสิก สู่การผสมผสานแนวคิด Biophilic Design ในยุคปัจจุบัน
Biophilic Design คือ แนวคิดการออกแบบที่เชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีและการพักผ่อนที่สมดุล แนวคิดนี้เน้นการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัย เช่น การใช้แสงธรรมชาติ การใช้วัสดุจากธรรมชาติ และการประดับตกแต่งด้วยพรรณไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว
การหลอมรวมของสถาปัตยกรรมแบบ Beaux Arts เข้ากับ Biophilic Design ยิ่งนำเสนอความงามที่ผสมผสานความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีแสงธรรมชาติที่เข้าถึงทุกพื้นที่ด้วยการใช้บานหน้าต่างและประตูใหญ่ การจัดสวนแบบเปิดโล่ง หรือการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน และพืชสีเขียว ช่วยสร้างสีสันที่ตัดกันอย่างลงตัว และเพิ่มบรรยากาศสงบสดชื่นแก่ที่พักอาศัย
ความลงตัวของการผสมผสาน Biophilic และ Beaux Arts
การผสมผสานการออกแบบของ Biophilic และ Beaux Arts ในการสร้างบ้านและอาคารนั้น มีประโยชน์ทั้งในด้านความยั่งยืนและสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย บ้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์ Biophilic ช่วยลดการใช้พลังงาน โดยเฉพาะการระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติจากภายนอก ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดีขึ้น ลดความเครียด เพิ่มความผ่อนคลาย และได้ใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศที่หรูหรามีระดับ
สัมผัสสถาปัตยกรรม Beaux Arts และ Biophilic Design ผ่านโครงการบ้านเดี่ยว The Palazzo จาก AP Thai
โครงการบ้านเดี่ยว The Palazzo จากเอพีนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการพักผ่อนเหนือระดับ ด้วยการออกแบบที่อิงแนวคิดสถาปัตยกรรม Beaux Arts ผสมผสานเข้ากับ Biophilic Design รังสรรค์บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury ที่ตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต
- ความสง่างามของสถาปัตยกรรม Beaux Arts: เผยเสน่ห์ของ Beaux Arts ด้วยการออกแบบที่ประณีตใส่ใจ ตั้งแต่การใช้สัดส่วนทองคำกับ Facade หน้าบ้านตามหลักสมมาตร จรดรายละเอียดภายในที่งดงามชดช้อยแบบศิลปะกรีก-โรมัน ไม่ว่าจะเป็นราวบันได ไฟประดับ หรือกระเบื้องลายธรรมชาติ
- Majestic Space (Bespoke Design): การจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านด้วย Customized Layout ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบ้านแต่ละหลัง ให้การพักผ่อนของคุณรู้สึกพิเศษด้วยบ้านที่เลือกเองได้ไม่เหมือนใคร
- Multigenerational Living: พื้นที่ภายในออกแบบให้กว้างขวางหรูหรา รองรับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนส่วนตัวหรือการทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัว
- Biophilic Design: การผสมผสานพื้นที่สีเขียวเข้ากับสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา เพิ่มความสดชื่นผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศบ้านที่หรูหรามีคลาส
สัมผัสเสน่ห์ของพื้นที่พักผ่อนอันสง่างามและสะดวกสบายไปกับโครงการบ้านเดี่ยว The Palazzo จากเอพี ที่อยู่อาศัยที่เป็นมากกว่าบ้านดีไซน์ร่วมสมัย แต่เป็นศิลปะและสุนทรียะการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาส่วนตัวที่พิเศษกว่าใคร
เตรียมพบโครงการ The Palazzo ปรัชญาใหม่ของพื้นที่ชีวิต
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ