ห้องอ่านหนังสือในบ้าน เป็นอีกห้องที่หนอนหนังสือต่างใฝ่ฝันที่อยากจะมี เรียกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว เพื่อใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างสงบ ใช้เวลาอยู่กับหนังสือหรือทำกิจกรรมที่รักในพื้นที่นี้อย่างเต็มที่โดยไม่มีใครมารบกวน บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 วิธีที่จะเปลี่ยนห้องธรรมดาๆ ในบ้านให้กลายเป็นมุมหนังสือในฝันของใครหลายๆ คน วิธีไหนจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ มาดูไปพร้อมๆ กันเลย
1. เลือกมุมอ่านหนังสือที่ให้ความสงบและเป็นส่วนตัว
สำหรับคนที่รักการอ่านจะเข้าใจดีว่า การอ่านหนังสือเป็นความผ่อนคลายอย่างหนึ่ง หลังจากที่เราต้องเจอเรื่องวุ่นวายมาทั้งวัน เราย่อมต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว ปราศจากสิ่งรบกวน นอกจากนั้น ขณะอ่านหนังสือเราต่างต้องการสมาธิ สิ่งสำคัญในการเลือกมุมหนังสือหรือห้องอ่านหนังสือจึงต้องเลือกบริเวณที่มีเสียงรบกวนน้อยที่สุด เป็นจุดที่ผู้คนเดินผ่านได้น้อยที่สุด
2. จัดแสงภายในห้องอ่านหนังสือให้เหมาะสม
แสงสว่างเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการอ่านหนังสือเป็นอย่างยิ่ง มุมหนังสือจะต้องมีแสงสว่างเพียงพอ โดยแสงที่เหมาะกับการอ่านหนังสือคือแสงที่สีไม่ขาวเกินไป ไม่เหลืองเกินไป หรือที่หลายคนรู้จักกันในสี Warm White นั่นเอง ซึ่งแสงที่มีสีแบบนี้ ได้แก่ แสงธรรมชาติจากแสงอาทิตย์ และแสงจากหลอดไฟ LED
แสงธรรมชาติ
แสงธรรมชาติเป็นแสงที่ดีที่สุดในการอ่านหนังสือ เพราะนอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังให้ความสดชื่นอีกด้วย แต่แสงธรรมชาตินั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเข้มของแสง เวลาของแสงที่มีเฉพาะตอนกลางวัน รวมไปถึงทิศทางของแสง เพราะฉะนั้นจึงควรจัดไฟ LED ร่วมกับแสงธรรมชาติ โดยจัดให้ได้รับแสงธรรมชาติเฉียงเข้ามาทางด้านหลัง เพื่อไม่ให้เกิดเงารบกวน ได้รับแสงสว่างเพียงพอและถนอมสายตาขณะอ่านหนังสือด้วย
แสงจากหลอดไฟ
แสงจากหลอดไฟในห้องอ่านหนังสือในบ้านสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นแสงที่สามารถควบคุมได้ สามารถเปิดปิดได้ในเวลาที่ต้องการ แสงจากหลอดไฟที่เหมาะกับมุมหนังสือควรเป็นแสงไฟ จากหลอดไฟแบบ LED มีสี Warm White เนื่องจากเป็นแสงไฟที่ไม่ขาวหรือเหลืองเกินไป จะช่วยให้สบายตาขณะอ่านหนังสือและยังช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
3. เลือกสไตล์การตกแต่งมุมหนังสือในฝัน
เหล่าคนรักหนังสือคงจะมีสไตล์มุมหนังสือในฝันอยู่ในใจกันอย่างแน่นอน และก่อนที่จะเลือกการตกแต่งให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา อาจเริ่มต้นจากการหา Reference ที่เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องก่อนและคัดเลือกว่าพอจะมีแบบไหนที่สามารถปรับใช้ให้เข้ากับความชอบและพื้นที่เราได้บ้าง แนะนำว่าควรจะตกแต่งออกมาในสไตล์ที่ให้ความอบอุ่น รู้สึกสงบ เพื่อให้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ
สไตล์มินิมอล
สไตล์มินิมอลคือสไตล์การตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ไม่มีดีเทลหรือลวดลายเยอะ อย่างเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นหรือสแกนดิเนเวียน เน้นสีห้องเป็นโทนสีอ่อน ทำให้สไตล์มินิมอลเป็นสไตล์ที่เหมาะกับการนำมาตกแต่งห้องอ่านหนังสือในบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ความผ่อนคลายแล้ว ยังให้ความรู้สึกสงบ สบายตาเมื่ออ่านหนังสืออีกด้วย
สไตล์โคซี่
สไตล์โคซี่เป็นสไตล์การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นธรรมชาติและความรู้สึกของผู้ใช้งานพื้นที่เอง โดยเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์การตกแต่งแบบโคซี่จะเน้นแบบที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ พื้นอาจใช้วัสดุพวกหินอ่อน ส่วนโทนสีผนัง เพดาน จะเน้นโทนสีที่เป็นธรรมชาติ สีเอิร์ธโทน ทำให้ผู้ใช้พื้นที่รู้สึกถึงความอบอุ่น จึงเหมาะกับการนำมาปรับใช้ตกแต่งห้องอ่านหนังสือในบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสไตล์ที่เข้ากับทุกสภาพอากาศและให้ความรู้สึกสบายตา
สไตล์โมเดิร์น
สไตล์โมเดิร์นคือสไตล์การตกแต่งที่เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย ไม่ตกแต่งเยอะจนเกินความพอดี และที่สำคัญจะต้องเน้นประโยชน์การใช้สอยพื้นที่เป็นหลัก เน้นแสงสว่างเข้ามาในบ้านได้เยอะๆ มีหน้าตาขนาดใหญ่ ทำให้มองทิวทัศน์นอกบ้านได้เต็มตา โดยการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นจะเน้นเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงเลขาคณิต อาจมีความแปลกจากรูปทรงเฟอร์นิเจอร์ปกติไปเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม ส่วนสีที่เน้นจะใช้สีที่ไม่ฉูดฉาด โดยจะเป็นสีอ่อนหรือสีเข้มไปเลย เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาล สีเทา
สไตล์โมเดิร์นเหมาะกับการนำมาปรับใช้กับการตกแต่งมุมหนังสือเป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะได้รับแสงจากธรรมชาติในการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่แล้ว ในตอนกลางคืนเมื่อใช้ไฟสี Warm White ด้วยก็จะให้ความรู้สึกอบอุ่นสงบเหมาะกับการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก
สไตล์ลอฟท์
สไตล์ลอฟท์เป็นสไตล์การตกแต่งห้องแบบดิบ ไม่ได้เป็นเพียงสไตล์ผนังปูนเปลือยขัดมันเท่านั้น แต่สไตล์ลอฟท์คือการผสมผสานการตกแต่งด้วยวัสดุระหว่างปูน เหล็ก ไม้ และหนังที่เข้ากันอย่างลงตัว เฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับสไตล์ลอฟท์จะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวที่ใช้งานได้จริง การตกแต่งสไตล์นี้จะเน้นความโล่ง โชว์การตกแต่งผนัง แต่ถ้าอยากให้ดูมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นในสไตล์แบบยุโรป อาจเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอย่างเตาผิงเข้ามาได้ นอกจากนี้การตกแต่งสไตล์ลอฟท์จะช่วยเพิ่มแสงสว่างเข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่อีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาปรับใช้กับการตกแต่งห้องอ่านหนังสือ
4. เลือกโทนสีห้องอ่านหนังสือให้สบายตา
การตกแต่งมุมหนังสือ สิ่งที่สำคัญอีกปัจจัยคือ สีของห้อง ควรจะเป็นสีโทนอบอุ่น โทนสีอ่อน โทนสีเข้ม ที่ไม่ฉูดฉาด จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายตาเวลาอ่านหนังสือได้ จะเลือกสีห้องแบบไหน ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน มาดูกันเลย
- สีโทนกลาง หรือสีโทนธรรมชาติ (Neutral Tone) คือสีที่อยู่ในโทนกลาง ไม่เข้มจัด ไม่สว่างจัด ไม่ฉูดฉาด ช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตา ตัวอย่างสีโทนกลาง ได้แก่ สีครีม สีน้ำตาลเข้ม สีเทา แต่ควรหลีกเลี่ยงสีขาวล้วน เพราะเป็นสีที่ให้ความสว่างมากเกินไป อาจทำให้ไม่สบายตาขณะอ่านหนังสือได้ เหมาะกับคนที่ชอบการตกแต่งห้องสไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์โคซี่
- สีเอิร์ธโทน เป็นสีโทนสีอบอุ่น มีการผสมของสีน้ำตาลรวมอยู่เพื่อเลียนแบบสีของธรรมชาติ มีความร่วมสมัย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ จึงเหมาะกับการนำมาใช้เป็นสีผนังห้องอ่านหนังสือในบ้าน โดยตัวอย่างสีเอิร์ธโทน ได้แก่ สีน้ำตาล สีเทา สีแดงอิฐ สีส้มอิฐ เหมาะกับคนที่ชอบการตกแต่งในสไตล์โคซี่
- สีพาสเทล เป็นโทนสีอ่อนที่ช่วยให้ความรู้สึกสงบลง เป็นโทนสีที่มีความคลาสสิกแต่ยังคงความสดใส ให้ความรู้สึกถึงสติปัญญา ตัวอย่างสีพาสเทล ได้แก่ สีชมพูอ่อน สีเหลืองอ่อน สีส้มอ่อน สีฟ้าอ่อน สีเขียวอ่อน การเลือกใช้สีพาสเทลนอกจากจะให้ความสดใสซ่อนอยู่เล็กๆ แล้วยังเหมาะกับคนที่มีบุคลิกนุ่มนวล อ่อนโยน ชอบความสงบอีกด้วย
- สีฟ้าและสีม่วง เป็นเฉดสีโทนเย็นที่ให้ความรู้สึกเงียบสงบเหมือนยามค่ำคืน การเลือกใช้สีฟ้าและสีม่วงนั้น สามารถเลือกความเข้มของสีให้สอดคล้องกับขนาดของห้อง โดยห้องที่มีขนาดเล็กควรเลือกโทนสีฟ้าและม่วงที่อ่อนลงมา สำหรับห้องอ่านหนังสือที่มีขนาดใหญ่ควรเลือกเป็นสีฟ้าและสีม่วงที่มีความเข้ม จะช่วยให้ความสว่างในห้องเหมาะสม สบายตา เหมาะกับการอ่านหนังสือ และสีฟ้าและสีม่วงนี้ยังเหมาะกับห้องสไตล์โมเดิร์นอีกด้วย
- สีเขียว เป็นสีโทนเย็นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ สำหรับการเลือกสีเขียวสำหรับห้องอ่านหนังสือในบ้านควรจะเลือกสีเขียวโทนนุ่มนวล ไม่ฉูดฉาดเกินไป เพื่อให้รู้สึกถึงความสบายใจ สบายตา และอบอุ่น ตัวอย่างสีเขียวที่เหมาะสม ได้แก่ สีเขียวมิ้นต์ สีเขียวหม่น สีเขียวอ่อน สีเขียวเข้ม ควรหลีกเลี่ยงสีเขียวฉูดฉาดอย่างสีเขียวมะนาว สีเขียวเรืองแสง เพราะอาจรบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือได้ และสำหรับเฉดห้องสีเขียวเหมาะกับการตกแต่งห้องในสไตล์โคซี่ โมเดิร์น รวมไปถึงสไตล์ลอฟท์ด้วย
5. เลือกเฟอร์นิเจอร์จัดเก็บหนังสือ
ชั้นเก็บหนังสือเป็นเฟอร์นิเจอร์ส่วนสำคัญของห้องอ่านหนังสือเลยก็ว่าได้ ควรเลือกชั้นเก็บหนังสืออย่างไรให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งของแต่ละคน หัวข้อนี้มีข้อมูลดีๆ มาแนะนำกัน
ชั้นวางหนังสือ
ชั้นวางหนังสือมีหลากหลายแบบให้ได้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางหนังสือแบบตู้ ชั้นวางหนังสือแบบวางบนโต๊ะ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีคือสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ปรับใช้ได้กับทุกพื้นที่ รวมถึงมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบคลาสสิกไปจนถึงรูปแบบแปลกตา เช่น ชั้นวางหนังสือรูปทรงเรขาคณิตมีรูปลักษณ์ที่แปลกแต่ดูน่าสนใจ ซึ่งเหมาะกับการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น
ติดชั้นวางหนังสือบนผนัง
ชั้นวางหนังสือบนผนังคือชั้นวางหนังสือที่ยึดติดกับผนัง ที่นอกจากจะใช้งานในการเก็บหนังสือแล้วยังเป็นการโชว์หนังสือที่สะสมไว้อีกด้วย เป็นไอเทมที่ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆ กับการตกแต่งห้องอ่านหนังสือได้ในเวลาเดียวกัน เหมาะกับคนที่มีหนังสือเยอะๆ ชอบซื้อหนังสือมาแต่อ่านไม่ทัน เลือกใช้ชั้นเก็บหนังสือแบบนี้ตอบโจทย์ไม่น้อยและยังเหมาะกับสไตล์มินิมอลอีกด้วย
เฟอร์นิเจอร์ Built-in
ที่เก็บหนังสือแบบเฟอร์นิเจอร์ Built-in มีลักษณะเป็นที่เก็บหนังสือที่ยึดติดกับผนัง ทำให้มีพื้นที่เก็บหนังสือได้เยอะ เป็นระเบียบและยังสามารถวางของสะสมอื่นๆ ไว้ด้วยกันได้อีกด้วย ซึ่งตู้เก็บหนังสือแบบ Built-in อาจไม่จำเป็นต้องมีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ อาจเป็นในรูปแบบแปลกใหม่ น่าสนใจ เช่น ชั้นเก็บหนังสือใต้บันได นอกจากจะประหยัดพื้นที่แล้ว ยังได้นำพื้นที่ว่างใต้บันไดมาใช้ประโยชน์ แม้ไม่มีห้องอ่านหนังสือในบ้านก็มีมุมหนังสือที่ดูดี ทันสมัย เข้ากับการตกแต่งห้องสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว
6. จัดเรียงหนังสือให้น่าสนใจ
มาถึงวิธีการจัดเรียงหนังสืออย่างไรให้น่าสนใจและเป็นระเบียบกันบ้าง หลายๆ คนอาจเคยเจอปัญหาหนังสือวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ เพราะด้วยขนาดและสีสันของหนังสือแต่ละเล่มมีความแตกต่างกัน จะเรียงอย่างไรให้สวยงามเข้ากับการตกแต่งมุมหนังสือได้บ้าง มาดูพร้อมกันเลย
เรียงสี
ไอเดียแรกคือการจับหนังสือมาเรียงตามสี บริเวณสันหนังสือแต่ละเล่มจะมีสีที่แตกต่างกัน สามารถจัดเรียงแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากสีเข้มไปสีอ่อน สีอ่อนไปสีเข้ม เรียงแยกตามสี หรือเรียงแบบวงล้อสลับสีก็ช่วยให้ดูน่าสนใจขึ้นเยอะ
เรียงตามความสูง
ไอเดียต่อมาคือการเรียงหนังสือตามความสูงของหนังสือแต่ละเล่ม อาจจะเรียงจากเล่มที่สูงไปต่ำ หรือต่ำไปสูง วิธีนี้นอกจากจะทำให้ชั้นเก็บหนังสือดูเป็นระเบียบแล้วยังตอบโจทย์การใช้งานตอนหยิบหนังสือมาอ่านอีกด้วย เพราะสามารถดึงหนังสือออกมาได้ง่ายขึ้น ไอเดียนี้สามารถนำไปใช้กับห้องอ่านหนังสือได้ทุกสไตล์
เรียงซ่อนสันหนังสือ
การจัดเรียงหนังสือแบบเรียงซ่อนสันหนังสือ เป็นอีกไอเดียการจัดหนังสือที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบซื้อหนังสือมากองดองไว้แต่ไม่ได้อ่านสักที การเรียงแบบซ่อนสันหนังสือจะช่วยให้ได้ลองสุ่มหยิบหนังสือมาอ่านโดยที่ไม่ได้รู้ว่าจะหยิบได้เล่มไหน เรื่องอะไร ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นก่อนเริ่มอ่านหนังสือ และยังได้มีเวลาไล่อ่านหนังสือเก่าๆ ที่ซื้อมานานแล้วแต่ไม่ได้อ่านอีกด้วย
เรียงแบบห้องสมุด
การเรียงหนังสือแบบห้องสมุดคือ การจัดเรียงโดยแบ่งตามหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถรู้ได้ว่าหนังสือเล่มไหนอยู่ตรงไหนบ้าง เหมาะกับคนที่มีหนังสือเยอะมากๆ มีหนังสือหลายๆ ประเภท หรือเป็นหนอนหนังสือที่ชื่นชอบนักเขียนหลายคน แนะนำให้จัดห้องอ่านหนังสือเรียงแบบห้องสมุดจะตอบโจทย์ต่อการหาหนังสือได้ หลักการเรียงหนังสือแบบห้องสมุดจะเรียงตามลำดับ ดังนี้
- เลขหมู่
- เลขของหนังสือหรือเลขประจำผู้แต่ง
- ปีที่พิมพ์
7. เพิ่มความรู้สึกสบายให้ห้องอ่านหนังสือ
มุมหนังสือเป็นพื้นที่ที่เหล่าคนรักหนังสือจะใช้เวลาอยู่เป็นเวลานานหลายชั่วโมงแน่นอน สิ่งที่ควรเสริมเข้ามานอกจากการตกแต่งแล้ว ควรจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสบาย ได้แก่ เบาะ ที่นอน หมอนอิง ผ้าห่ม ใช้สำหรับพักผ่อนขณะอ่านหนังสือไปด้วย แต่กรณีที่ใช้ห้องอ่านหนังสือเป็นห้องทำงานด้วย อาจจะเพิ่มโต๊ะและเก้าอี้เข้ามา ซึ่งควรเลือกโต๊ะทำงานที่ปรับระดับได้ เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ (Ergonomic Chair) เพื่อให้การทำงานและการอ่านหนังสือนานๆ ไม่ทำลายสุขภาพ ไม่ปวดหลัง ไม่เมื่อยล้า
8. เปิดเพลย์ลิสต์สร้างบรรยากาศ
เสียงเพลงคือสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนโดพามีน ทำให้เรารู้สึกมีความสุขและตื่นตัวได้ การเปิดเพลงในห้องอ่านหนังสือจึงสามารถช่วยให้มีสมาธิและจดจำสิ่งที่อ่านได้ดีมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพลงทุกประเภทที่จะตอบโจทย์สำหรับเปิดในขณะที่อ่านหนังสือ เพราะบางเพลงก็ทำให้เสียสมาธิได้เช่นกัน อย่างเพลงร็อก เพลงเมทัล เพลงที่มีจังหวะดุดันเกินไป หรือเพลงภาษาเดียวกันหนังสือที่อ่าน อาจทำให้จิตใจไปโฟกัสที่เนื้อเพลงมากกว่าหนังสือได้ การเลือกเพลงขณะอ่านหนังสือต้องเป็นเพลงที่ไม่รบกวนสมาธิ และเป็นเพลงที่เข้ากับบรรยากาศของเรื่องที่อ่าน
- ตัวอย่างเพลงที่เหมาะกับการเปิดในห้องอ่านหนังสือ ได้แก่
- เพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง
- เพลงอีกภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเดียวกับหนังสือ
- เพลงคลาสสิก
- เสียงจากธรรมชาติ
- เสียงดนตรี Lo-fi
- ข้อดีของการเปิดเพลงขณะอ่านหนังสือ
- ช่วยลดความเครียด
- ช่วยเสริมสร้างความจำให้ดีขึ้น
- ช่วยเพิ่มสมาธิ
- ช่วยกระตุ้นให้อารมณ์ดี
- ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการอ่านหนังสือ
9. ใช้กลิ่นหอมเพิ่มสมาธิ
หลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องการเลือกกลิ่นน้ำหอมในห้องนอนมาก่อน แต่ทราบไหมว่ากลิ่นก็นำมาใช้ในห้องอ่านหนังสือได้ดีมากเช่นกัน เนื่องจากกลิ่นเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างสมาธิในขณะอ่านหนังสือได้เช่นเดียวกับเสียง โดยกลิ่นที่จะช่วยสร้างบรรยากาศการอ่านหนังสือได้นั้นคือ กลิ่นของน้ำมันหอมระเหย แต่ก่อนจะเลือกน้ำหอมปรับอากาศ หรือเทียนหอมมาใช้ในมุมหนังสือนั้น ต้องรู้ก่อนว่ากลิ่นไหนจะช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง มาดูพร้อมกันเลย
- กลิ่นซีตรัส: กลิ่นเปรี้ยวของส้ม หอมอ่อน ช่วยเพิ่มความสดชื่น ตื่นตัว ให้รู้สึกมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำมากขึ้น
- กลิ่นลาเวนเดอร์: กลิ่นหอมดอกไม้เย็นๆ หอมอ่อนๆ เป็นกลิ่นที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายอันดับต้นๆ ที่หลายคนนิยม ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า ปรับสมดุลอารมณ์ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- กลิ่นมะลิ: กลิ่นหอมหวานสดใส ช่วยให้อารมณ์ดี ผ่อนคลาย กระตุ้นอารมณ์รัก เหมาะกับใช้สร้างบรรยากาศขณะอ่านหนังสือนวนิยายต่างๆ
- กลิ่นคาโมมายล์: กลิ่นหอมสดชื่น ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ อบอุ่น ช่วยกระตุ้นสมาธิขณะอ่านหนังสือได้ดี
- กลิ่นยูคาลิปตัส: กลิ่นหอมโล่ง สบายจมูก ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่ง สะอาด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิจดจ่อกับการอ่านหนังสือได้ดี
10. เติมสีเขียวด้วยต้นไม้
วิธีสุดท้ายที่จะช่วยให้ห้องอ่านหนังสือในบ้านสวย มีสไตล์ และยังเป็นมุมผ่อนคลาย คือการเติมต้นไม้สีเขียวสัก 1-2 ต้นในห้องอ่านหนังสือ โดยสามารถเลือกเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ก็จะช่วยทั้งในเรื่องผ่อนคลายสายตาเวลาที่อ่านหนังสือนานๆ หรือจ้องหน้าจอทำงานนานๆ ลองพักหันไปมองที่ต้นไม้สีเขียวจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์สดชื่นอีกด้วย
ห้องอ่านหนังสือในบ้านเป็นหนึ่งในพื้นที่ Safe Zone ของหนอนหนังสือที่มักใช้เวลาวันละหลายๆ ชั่วโมงพักกายพักใจอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ การตกแต่งปรับพื้นที่ห้องธรรมดาในบ้านให้กลายเป็นมุมหนังสือในฝัน นอกจากจะเป็นการปรับพื้นที่ให้สวยงามขึ้นแล้ว ยังตอบโจทย์การใช้งานที่ง่ายขึ้น ช่วยจัดระเบียบให้พื้นที่ และยังเป็นการสร้างบรรยากาศในการอ่านหนังสืออีกด้วย