เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านประเภทหนึ่งที่ต้องมีติดไว้นั่นก็คือ “ตู้เย็น” เพราะนอกจากจะทำให้มีน้ำเย็นๆ ไว้ดื่มดับกระหาย คลายร้อนแล้ว ยังใช้แช่ไอศกรีมไว้กินให้ชื่นใจอีกด้วย ที่สำคัญตู้เย็นยังช่วยถนอมอาหาร ช่วยให้อาหารสดคงอยู่กับเรานานยิ่งขึ้นด้วย แต่บางทีเราอาจหลงลืมการดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ไป ทำให้การทำงานของมันลดประสิทธิภาพลง บทความนี้จะมาบอกวิธีการดูแลรักษาตู้เย็นเพื่อยืดอายุการใช้งาน ทำให้ดูเหมือนใหม่ตลอดเวลา
สาเหตุที่ตู้เย็นไม่เย็น เสียง่าย และพังเร็ว
ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เมื่อใช้งานไปนานๆ ย่อมเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ส่งผลให้ตู้เย็นไม่เย็น นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้งานบางอย่างก็อาจส่งผลต่อตู้เย็นได้เช่นกัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตู้เย็นเกิดการเสียหายได้ง่ายนั้น มีดังนี้
- มีของในตู้เย็นมากเกินไป การใส่ของจนแน่นเต็มตู้เย็น ทั้งของสดของคาวจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก เพราะต้องกระจายความเย็นให้ไหลผ่านอย่างทั่วถึง เพื่อคงคุณภาพอาหาร เมื่อใส่ของเข้าไปจนล้นตู้เย็น อย่างไม่เป็นระเบียบ ยิ่งทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น ดังนั้นควรจัดระเบียบตู้เย็น เช่น แยกประเภทด้วยการจัดลงกล่อง เพื่อให้สะดวกในการหยิบใช้ ไม่ค้างของที่มีอายุนานแล้วจนเกิดการเน่าเสีย เป็นต้น
- วางชิดผนังจนไม่มีการระบายความร้อน หลักการทำงานของตู้เย็นจะมีการถ่ายเทความร้อนออกมาอย่างสม่ำเสมอ หากตั้งตู้เย็นชิดผนังมากเกินไป อาจทำให้ไม่มีช่องว่างในการระบายความร้อน ส่งผลให้ตู้เย็นเกิดความร้อนในตัวเองมากขึ้น จนทำให้ตู้เย็นไม่เย็น สำหรับระยะที่เหมาะสมในการตั้งตู้เย็นคือควรห่างออกจากผนังประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือพื้นที่โดยรอบเล็กน้อย เพื่อให้มีพื้นที่ในการระบายความร้อน
- ละลายน้ำแข็งผิดวิธี การละลายน้ำแข็งไม่ควรทำการงัด หรือทุบน้ำแข็ง เพราะจะทำให้ตู้เย็นเกิดความเสียหาย วิธีดูแลตู้เย็นจากน้ำแข็งที่เกาะติดจึงควรกดปุ่มละลายน้ำแข็งตามระยะเวลาอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นตรวจดูไม่ให้น้ำแข็งเกาะตัวจนมีปริมาณมากเกินไป
- เปิดตู้เย็นทิ้งไว้ หรือเปิดบ่อยๆ เมื่อเปิดตู้เย็นทิ้งไว้ หรือปิดตู้เย็นไม่สนิท จะทำให้ความร้อนจากภายนอกไหลเข้าสู่ตู้เย็นมากเกินไป ส่งผลให้ระบบเพิ่มความเย็นภายในทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ความเย็นอยู่ในระดับที่เหมาะสม การเปิดตู้เย็นบ่อยๆ หรือปิดไม่สนิทจึงอาจทำให้ตู้เย็นเสียได้เร็วขึ้น
- ขอบยางตู้เย็นเสียหาย ขอบยางของตู้เย็นจะช่วยให้ปิดได้สนิท และรักษาอุณหภูมิภายในไม่ให้ความเย็นไหลออกมาหรือรับความร้อนจากภายนอกเข้าไป จนทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนัก วิธีดูแลขอบยางของตู้เย็นสามารถทำได้โดยการจับดูว่าขอบยางแข็งเกินไปหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าไม่นิ่มแล้วก็แสดงว่าขอบยางเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
- เกิดการเสียหายในชิ้นส่วนของตู้เย็น เช่น คอมเพรสเซอร์เสียจากเหตุการณ์ไฟดับ ไฟตก ไฟกระชาก กลายเป็นการถ่ายความร้อนออกจากตู้เย็น หรือเซนเซอร์ที่คอยตรวจสอบว่าของในตู้เย็นมีอุณหภูมิเท่ากันหรือไม่ เกิดการเสียหายจากการขนย้าย ละลายน้ำแข็งผิดวิธี และคอยล์เย็นที่อยู่ทางด้านหลังของตู้เย็น คอยทำหน้าที่สร้างความเย็นและระบายความร้อนเกิดการเสียหาย ตู้เย็นจะทำงานผิดปกติ เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นเสียหายได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็น เช่น การไม่กำจัดของเสียภายในตู้เย็น ใช้เต้ารับของตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ จนทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรเรียนรู้วิธีทำความสะอาดตู้เย็นและวิธีการดูแลตู้เย็นอย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุของในตู้เย็นให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น โดยวิธีในการดูแลรักษาตู้เย็น มีดังนี้
1. จัดเก็บอาหารและสิ่งของให้เป็นระเบียบ
การจัดระเบียบภายในตู้เย็นเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลรักษาตู้เย็นที่ดี เพราะจะทำให้สิ่งของต่างๆ ภายในนั้นอยู่เป็นที่เป็นทาง สามารถหยิบใช้ได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาค้นหานานแล้ว อีกทั้งยังช่วยให้ตู้เย็นกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ไม่ทำงานหนัก ซึ่งการจัดเก็บอาหารและสิ่งของภายในตู้เย็นนั้นก็ควรใส่ประเภทอาหารให้เหมาะกับลักษณะของแต่ละช่องแช่ด้วย ดังนี้
- ช่องฟรีซ เหมาะสำหรับเก็บอาหารแช่แข็ง เช่น ไอศกรีม น้ำแข็ง
- ชั้นวางด้านบน เหมาะสำหรับแช่อาหารพร้อมรับประทาน
- ชั้นวางด้านล่าง เหมาะสำหรับแช่เนื้อสด นมสด ไข่ โดยต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด
- ชั้นวางข้างประตู เหมาะสำหรับอาหารที่เน่าเสียได้ยาก เช่น เครื่องปรุง น้ำดื่ม
- ลิ้นชักแช่ผัก เหมาะสำหรับแช่ผัก หรือผลไม้
นอกจากจะใส่อาหารให้เหมาะกับประเภทของแต่ละช่องแช่แล้ว วิธีดูแลตู้เย็นด้วยการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบก็ยังสามารถทำได้ด้วยการ
- จัดของให้เป็นหมวดหมู่แล้วใส่ลงในกล่อง ทำให้มีพื้นที่ในการแช่ของได้มากขึ้น และควรจัดของที่หยิบใช้บ่อยไว้ด้านหน้า เพื่อให้มองเห็นได้ง่ายและหยิบใช้ได้สะดวก
- ในกรณีที่เป็นกล่องทึบ การเขียนชื่อติดไว้ก็จะช่วยให้หาของได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
- ระบุวันเดือนปีที่หมดอายุเอาไว้ เพื่อลดการตกค้างของอาหารในตู้เย็น และสามารถกำจัดของเสียได้สะดวกขึ้น
- วัตถุดิบจำพวกอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ หากแบ่งเป็นแผ่นแบนๆ จะทำให้ความเย็นเข้าถึงได้อย่างเต็มที่มากกว่าการกระจุกรวมกันเป็นก้อน และละลายน้ำแข็งก่อนนำมาใช้ทำอาหารได้เร็วขึ้นด้วย หรือนำอาหารทะเลมาลงกล่องแทนใส่ถุงพลาสติก ก็จะช่วยไม่ให้น้ำจากอาหารทะเลไหลจนเปื้อนตู้เย็นจนต้องหาวิธีทำความสะอาดตู้เย็นอีก
ที่สำคัญอาหารบางประเภทก็ไม่ควรนำใส่ตู้เย็น เช่น หัวหอมใหญ่ แคร์รอต ฟักทอง หรือหัวไชเท้า ให้วางไว้ในที่ร่มได้ ขนมปังก็ไม่จำเป็นต้องใส่ตู้เย็น เพราะจะทำให้แห้งได้ และของที่มีกลิ่นฉุนก็ไม่ควรนำใส่ตู้เย็นเพราะจะทำกลิ่นไปติดของชนิดอื่นๆ ได้ หากมีความจำเป็นให้ใส่ภาชนะที่สามารถปิดได้มิดชิด เป็นวิธีดูแลตู้เย็นที่ทำง่ายและได้ผลดี
2.น้ำอุ่นทำความสะอาดตู้เย็น
ชั้นวางของในตู้เย็นสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการถอดชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชั้นวาง ตะแกรง หรือลิ้นชักออกมาล้างกับน้ำอุ่น โดยผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจาน น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดา แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดส่วนที่สกปรก ที่สำคัญต้องระวังไม่ให้น้ำร้อนเกินไป เพราะวัสดุบางชนิดที่เป็นแก้วอาจเกิดการแตกได้ การน้ำอุ่นเป็นวิธีทำความสะอาดตู้เย็นที่ทำได้ทั้งตู้เย็นด้านนอกและด้านใน หลังจากเช็ดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรล้างน้ำยาทำความสะอาดส่วนเกินออกให้หมดด้วย เพื่อป้องกันการเกิดสารตกค้าง
3.น้ำยาทำความสะอาดตู้เย็น
น้ำยาสำหรับการทำความสะอาดตู้เย็นสามารถใช้เป็นหนึ่งในทางเลือกวิธีทำความสะอาดตู้เย็นด้านนอกและด้านในได้ เพราะแห้งเร็ว ไม่ทิ้งคราบ อีกทั้งยังสามารถหาซื้อได้ง่าย แต่สำหรับใครที่หาซื้อน้ำยาทำความสะอาดตู้เย็นไม่ได้ อีกหนึ่งทางเลือกของวิธีทำความสะอาดตู้เย็นคือการใช้น้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ที่มีสูตรอ่อนโยนแทน เป็นวิธีการดูแลรักษาตู้เย็นได้เช่นกัน
4.น้ำส้มสายชู
การจัดเก็บอาหารมากมายไว้ในตู้เย็นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดคราบสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ การใช้น้ำส้มสายชูเป็นวิธีทำความสะอาดตู้เย็นที่ทำได้ง่าย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนอยู่แล้วและหาซื้อได้สะดวก โดยวิธีทำความสะอาดตู้เย็นทำได้โดยการนำน้ำอุ่นผสมกับน้ำส้มสายชู ¾ ถ้วยตวง จากนั้นใช้ผ้าสะอาดมาชุบกับน้ำที่ผสมไว้ไปเช็ดตู้เย็น ทิ้งไว้สักพักค่อยนำผ้าสะอาดไปเช็ดเอาคราบสกปรกออกแล้วรอจนกว่าตู้เย็นจะแห้งสนิท จึงจัดของเข้าตู้เย็น เพียงเท่านี้ก็จะได้ตู้เย็นที่สะอาดเหมือนใหม่กลับมาแล้ว
5.เบกกิ้งโซดา
สิ่งที่ควรมีติดบ้านอีกอย่างก็คือเบกกิ้งโซดา เพราะมีประโยชน์หลากหลาย เหมาะกับงานบ้านอย่างมาก เช่นเดียวกับวิธีทำความสะอาดตู้เย็นก็สามารถใช้เบกกิ้งโซดาได้เช่นกัน เพราะว่าเป็นสารทำความสะอาดที่ปลอดภัย ซึ่งมีวิธีการผสมคือ เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำร้อน ¼ ถ้วยตวง ผสมให้มีเนื้อสัมผัสคล้ายแป้ง นำผ้าสะอาดมาชุบแล้วไปเช็ดบริเวณที่ฝังคราบ เบกกิ้งโซดาก็จะช่วยดูดกลิ่นเหม็นและกำจัดเชื้อราหรือแบคทีเรียที่ยังหลงเหลือซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารในตู้เย็นเน่าเสียได้อีกด้วย
ขั้นตอนการทำความสะอาดตู้เย็นให้สะอาดหมดจดเหมือนใหม่
ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับเก็บอาหารโดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องมีการทำความสะอาดตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อกำจัดเชื้อโรค และแบคทีเรียที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สำหรับขั้นตอนการทำความสะอาดตู้เย็นมีดังนี้
- ขั้นตอนการทำความสะอาดตู้เย็นเริ่มจากเคลียร์ของออกจากตู้เย็นให้หมด ไม่ควรมีของทิ้งไว้ด้านใน ที่สำคัญต้องถอดปลั๊กตู้เย็นออกก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัย
- ถอดชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ออก เช่น ถาดรองแช่ในแต่ละชั้น ชั้นวางของ ลิ้นชักในตู้เย็น ให้ถอดออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นที่เลือกว่าจะผสมกับน้ำยาล้างจาน น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดา แล้วใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด
- ขั้นตอนการทำความสะอาดขอบยางตู้เย็นทำได้โดยนำผ้าชุบเบกกิ้งโซดาผสมน้ำมาเช็ดทำความสะอาด เพื่อกำจัดคราบสิ่งสกปรกออกไป
- เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนในการทำความสะอาดตู้เย็นด้านใน พร้อมกับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เรียบร้อยแล้ว ให้ประกอบชิ้นส่วนทุกอย่างเข้าตู้เย็นตามเดิมได้ และอย่าลืมที่จะจัดเรียงของในตู้เย็นให้เป็นระเบียบ แบ่งสรรปันส่วนให้ดี เพื่อที่ตู้เย็นจะได้กระจายความเย็นให้ทั่วถึงกัน นอกจากนี้ก็ควรทำความสะอาดภาชนะที่ใช้ใส่เข้าไปในตู้เย็นด้วย
- สามารถใส่วัสดุที่ช่วยขจัดกลิ่น เพื่อไม่ให้ตู้เย็นเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ถ่านดับกลิ่น ผงกาแฟสด หรือเบกกิ้งโซดา
ส่วนวิธีทำความสะอาดตู้เย็นด้านนอกนั้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับด้านใน ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูแล้วใช้ผ้าเช็ด จะช่วยให้ตู้เย็นสะอาดเงาวับขึ้นเลยทีเดียว ส่วนทางด้านหลังของตู้เย็นบริเวณคอยล์ให้ใช้แปรงขดลวดเช็ดลงแล้วใช้ผ้าเช็ดออก
ข้อควรระวังในการทำความสะอาดตู้เย็น
- ถอดปลั๊กก่อนทำความสะอาดตู้เย็นทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดไฟช็อต
- ระหว่างทำความสะอาดตู้เย็นควรระวัง อย่าให้ละอองน้ำยาที่ฉีดทำความสะอาดกระเด็นเข้าตา และห้ามฉีดลงบนอาหารหรือช่องระบายอากาศในตู้เย็น
- อย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นด่าง จะทำให้พลาสติกแตกร้าว
- ไม่ควรใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดตู้เย็น เพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิว
- ห้ามทุบหรืองัดเพื่อละลายน้ำแข็ง เพราะอาจทำให้ตู้เย็นเกิดความเสียหาย แต่ควรกดละลายน้ำแข็งของตู้เย็นแทน
ข้อดีของการทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ
- ยืดอายุการใช้งาน เพราะตู้เย็นจะไม่ทำงานหนักเกินไปเนื่องจากมีพื้นที่ให้ความเย็นกระจายทั่วถึงทุกจุด และยังช่วยลดค่าไฟได้อีกด้วย
- ลดโอกาสที่ทำให้อาหารเกิดการตกค้าง เพราะการจัดระเบียบตู้เย็นทำให้มองเห็นของภายในได้ทั่วถึง ได้ใช้ของก่อนวันหมดอายุ หาของได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเปิดตู้เย็นไว้นานๆ ที่สำคัญยังช่วยลดการเกิดขยะได้ด้วย
- ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เมื่อเรารู้วิธีการดูแลรักษาตู้เย็นและทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ตู้เย็นสะอาดมากขึ้น ไร้กลิ่นเหม็น ทำให้อาหารไม่เน่าเสียค้างคาในตู้เย็น
ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บอาหารหลายอย่างทั้งเนื้อสัตว์ น้ำดื่ม ผัก และผลไม้ จึงไม่ควรปล่อยให้สกปรก มีคราบเชื้อรา หรือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค จึงจำเป็นต้องมีวิธีดูแลตู้เย็นอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางของในตู้เย็นให้เป็นระเบียบ การละลายน้ำแข็งอย่างถูกวิธี รวมไปถึงการใช้ตู้เย็นอย่างเหมาะสม ส่วนวิธีทำความสะอาดตู้เย็นสามารถทำได้ง่าย โดยใช้อุปกรณ์ในครัวเรือน เช่น น้ำยาล้างจาน เบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดให้ทั่ว สามารถช่วยให้ตู้เย็นสะอาดขึ้น สำหรับวิธีทำความสะอาดตู้เย็นด้านนอกก็สามารถใช้วิธีเดียวกันได้ วิธีการเหล่านี้มีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานได้นาน
