KNOW HOW
  • FINANCIAL

แนะนำ 5 ประเภทการลงทุน ที่นักลงทุนรุ่นใหม่ควรรู้ 2024

แนะประเภทของการลงทุนแบบต่างๆ ที่มีทั้งแบบระยะสั้น และแบบระยะยาว

AP THAILAND

AP THAILAND

ในยุคที่การออมเงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายในอนาคต การลงทุนกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาวเพื่ออนาคตที่มั่นคง บทความนี้จะแนะนำ 5 ประเภทการลงทุนที่น่าสนใจในปี 2024 ครอบคลุมทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นการลงทุนอย่างมั่นใจมากขึ้น

 

การลงทุนตราสารหนี้ หรือการลงทุนระยะสั้น

 

1. การลงทุนในตราสารหนี้ (การลงทุนระยะสั้น)

การลงทุนในตราสารหนี้ เช่น ตั๋วเงินคลังหรือหุ้นกู้ระยะสั้น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยของเงินต้น ผลตอบแทนอยู่ในรูปดอกเบี้ยและการซื้อขายตราสารหนี้ ซึ่งโดยทั่วไปมีผลตอบแทนประมาณ 2-5% ต่อปี แม้จะไม่สูงมาก แต่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่รับความเสี่ยงสูงไม่ได้

ข้อดี: ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาเงินลงทุน

ข้อเสีย: ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าการลงทุนอื่นๆ และอาจสูญเสียมูลค่าหากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น

 

การลงทุนในพันธบัตร/ หุ้นกู้ หรือการลงทุนระยะยาว

 

2. การลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ (การลงทุนระยะยาว)

พันธบัตรและหุ้นกู้เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีระยะเวลานานกว่า 1 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาว นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นคืนเมื่อครบสัญญา โดยพันธบัตรจากรัฐบาลให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี ส่วนหุ้นกู้เอกชนจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท

ข้อดี: ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนคาดการณ์ได้ และเหมาะสำหรับการวางแผนการเงินระยะยาว

ข้อเสีย: ต้องถือครองระยะยาว หากขายก่อนอาจได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดการณ์

 

การลงทุนในหุ้น

 

3. การลงทุนในหุ้น

การลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มาก นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นผ่านบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ โดยผลตอบแทนจะอยู่ในรูปเงินปันผลและส่วนต่างจากการซื้อขาย โดยทั่วไป ผลตอบแทนเฉลี่ยจากตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 8-12% ต่อปี

ข้อดี: ผลตอบแทนสูง และมีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ตลอดเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์เปิด

ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูง ราคาผันผวนตลอดเวลา

 

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

 

4. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

อสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนระยะยาวที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายรูปแบบ เช่น การปล่อยเช่า ซื้อขายเพื่อกำไร หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ผลตอบแทนเฉลี่ยขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุน เช่น ปล่อยเช่าให้ผลตอบแทนประมาณ 8-12% ต่อปี การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทน 6-10% ต่อปี

ข้อดี: ผลตอบแทนสูง ราคาไม่ผันผวนมาก และสามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้

ข้อเสีย: ใช้เงินลงทุนสูงและมีสภาพคล่องต่ำ หากต้องการเงินหมุนเวียนเร็ว อาจไม่เหมาะ

 

การลงทุนในของมีค่า

 

5. การลงทุนในของมีค่าและสินทรัพย์ดิจิทัล

การลงทุนในของมีค่า เช่น ทองคำ และสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง คริปโตเคอเรนซี กำลังได้รับความนิยม โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ส่วนคริปโตเคอเรนซี เช่น Bitcoin นั้นให้ผลตอบแทนสูงในตลาดขาขึ้น แต่มีความผันผวนสูง

ข้อดี: ศักยภาพในการเติบโตสูง และมีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ทั่วโลก

ข้อเสีย: ความผันผวนสูงและยังไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลหลายประเทศ

              

การลงทุนในค่าเงิน (Forex)

การลงทุนใน ค่าเงิน (Forex) คือการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน และปอนด์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อดี: สกุลเงินหลากหลายให้เลือกทำกำไร กระจายความเสี่ยงได้ดี และซื้อขายได้ตลอดเวลา

ข้อเสีย: ค่าเงินผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจ นโยบายธนาคาร และสถานการณ์การเมือง จำเป็นต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

 

การลงทุนในสินค้าพลังงาน

 

การลงทุนในสินค้าพลังงาน

การลงทุนใน พลังงานสะอาด เช่น พลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เป็นแนวโน้มที่มีโอกาสเติบโตสูงเนื่องจากการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐทั่วโลก นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านหุ้นหรือกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน

ข้อดี: ธุรกิจพลังงานสะอาดได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต

ข้อเสีย: ธุรกิจยังอยู่ในช่วงพัฒนาต้องใช้เงินลงทุนสูง การเติบโตขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐ หากเปลี่ยนแปลงอาจกระทบต่อธุรกิจ

 

การลงทุนในค่าเงินดิจิทัล

การลงทุนใน ค่าเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin และ Ethereum ซึ่งพัฒนาขึ้นจากอัลกอริทึม ได้รับความนิยมมากขึ้น ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 10,000 สกุล การลงทุนทำได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การเทรดแบบรายวัน การถือครองระยะยาว หรือการฝากใน Liquidity Pool เพื่อรับผลตอบแทน

ข้อดี: ค่าเงินดิจิทัลมีศักยภาพเติบโตสูงในโลกออนไลน์ สามารถใช้ซื้อขายสินค้าได้จริง และทำกำไรจากตลาดขาขึ้นได้

ข้อเสีย: ราคาผันผวนตามความต้องการของตลาด และยังไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ทำให้มีความเสี่ยง

 

การลงทุนในของสะสม

 

การลงทุนในของสะสม

การลงทุนใน ของสะสม เช่น รถยนต์ นาฬิกา เหรียญที่ระลึก และภาพวาด เป็นการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากความหายากและความนิยม ผลตอบแทนมาจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย

ข้อดี: สิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ และสร้างผลตอบแทนได้สูงหากเก็บรักษาไว้นานพอ

ข้อเสีย: เหมาะกับคนที่มีความรู้เฉพาะทางในของสะสม และสินค้าประเภทนี้มักมีผู้ซื้อขายเฉพาะกลุ่ม อาจมีสภาพคล่องต่ำ

 

การลงทุนระยะยาวมีอะไรบ้าง?

การลงทุนระยะยาว คือการวางแผนการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและบรรลุเป้าหมายในระยะยาว เช่น การสะสมความมั่งคั่งเพื่อการเกษียณ หรือการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินขนาดใหญ่ นักลงทุนจึงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ยั่งยืน ตัวเลือกการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจประกอบด้วย:

  • พันธบัตรรัฐบาล – ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง
  • หุ้นกู้ – ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินระยะยาว
  • หุ้น – ผลตอบแทนสูง แต่มีความผันผวนในระยะสั้น
  • อสังหาริมทรัพย์ – สร้างรายได้ระยะยาวและสะสมมูลค่าทรัพย์สิน
  • ของมีค่า – เช่น ทองคำ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อถือครองระยะยาว

ข้อดีของการลงทุนระยะยาว:
การลงทุนระยะยาวช่วยสะสมความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง และให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนระยะสั้น โดยนักลงทุนจะให้ความสำคัญกับผลตอบแทนสุดท้ายมากกว่าความผันผวนในระหว่างทาง

ความเสี่ยงของการลงทุนระยะยาว:
สินทรัพย์ระยะยาวต้องใช้เวลาในการสะสมผลตอบแทน จึงเหมาะกับผู้ที่มีรายได้ประจำหรือเงินเก็บที่สามารถนำไปลงทุนได้

 

การลงทุนระยะสั้นมีอะไรบ้าง?

การลงทุนระยะสั้นมุ่งหวังผลตอบแทนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน - 3 ปี สินทรัพย์ที่ใช้ในการลงทุนระยะสั้น ได้แก่:

  • ตราสารหนี้ระยะสั้น – ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่
  • หุ้นกู้ระยะสั้น – ให้ผลตอบแทนเร็วในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
  • หุ้นแบบ Day Trade – เน้นทำกำไรจากการซื้อขายรายวัน
  • การซื้อขายใบจองอสังหาริมทรัพย์ – ผลตอบแทนสูงแต่ต้องอาศัยความรู้ในตลาด
  • การลงทุนในค่าเงินและค่าเงินดิจิทัล – สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและสามารถทำกำไรในระยะสั้นได้

ข้อดีของการลงทุนระยะสั้น:
ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ในเวลาสั้นๆ และยังคงมีเงินหมุนเวียนได้รวดเร็ว

ความเสี่ยงของการลงทุนระยะสั้น:
การลงทุนระยะสั้นมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงต้องติดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

 

การลงทุนระยะยาว หรือระยะสั้น ดีกว่ากัน

 

ควรเลือกลงทุนระยะยาวหรือระยะสั้น?

นักลงทุนมือใหม่มักสงสัยว่าควรเริ่มต้นด้วยการลงทุนระยะยาวหรือระยะสั้น การเลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล หากต้องการสร้างความมั่นคงในระยะยาวและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต การลงทุนระยะยาว เช่น หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ดีกว่า แต่หากต้องการเพิ่มสภาพคล่องการเงินในระยะสั้น การลงทุนแบบตราสารหนี้ระยะสั้นหรือค่าเงินจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า

 

การเลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หากต้องการความมั่นคงในระยะยาว พันธบัตร หุ้นกู้ และอสังหาริมทรัพย์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ การลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ดิจิทัลก็น่าสนใจ

RELATED ARTICLES