MAIN POINT
- รูปแบบกล้องวงจรปิดที่เหมาะกับการใช้งานบริเวณในบ้าน ได้แก่ กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน, กล้องวงจรปิดแบบโดม, กล้องวงจรปิดแบบโรบ็อต ส่วนกล้องวงจรปิดที่เหมาะกับการใช้งานบริเวณนอกบ้าน ได้แก่ กล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด, กล้องวงจรปิดแบบสปีดโดม และกล้องวงจรปิดแบบกระบอก
- ก่อนติดตั้งกล้องวงจรปิด ควรกำหนดจุดประสงค์ของการใช้งานอย่างชัดเจน เลือกตำแหน่งการติดตั้งที่เหมาะสม ตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้า วางแผนการจัดเก็บข้อมูล และศึกษาข้อกฎหมายความเป็นส่วนตัวให้ดี
เลือกกล้องวงจรปิดที่บ้าน แบบไหนดี มีวิธีติดตั้งยังไง
ในยุคที่ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกบ้าน การติดตั้งกล้องวงจรปิดจึงเป็นทางเลือกที่หลายครอบครัวให้ความสนใจ ทั้งช่วยเฝ้าระวังอันตรายจากการโจรกรรม ดูแลความสงบเรียบร้อยในยามที่เราไม่อยู่บ้าน โดยเฉพาะความปลอดภัยของเด็ก ๆ ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง บทความนี้ AP Thai จะพาไปรู้จักกล้องวงจรปิดรูปแบบต่าง ๆ พร้อมข้อควรระวังที่ต้องรู้ ให้การติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยตนเองเป็นเรื่องง่าย ๆ
ระบบกล้องวงจรปิด มีอะไรบ้าง?
ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ กล้องวงจรปิดแบบมีสาย (Wired CCTV) และกล้องวงจรปิดแบบไร้สาย (Wireless CCTV) ซึ่งมีข้อดี-ข้อด้อย และรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน
1. กล้องวงจรปิดแบบมีสาย (Wired CCTV)
กล้องวงจรปิดแบบมีสาย (Wired CCTV) คือ กล้องวงจรปิดที่ใช้สายแลนในการเชื่อมต่อสัญญาณ เพื่อส่งข้อมูลภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดไปยังเครื่องบันทึกได้โดยตรง สามารถใช้งานร่วมกับจอมอนิเตอร์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือแอปพลิเคชันได้
- ข้อดี:
-
- มีความเสถียรสูง ไม่มีสัญญาณรบกวน
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก
- ติดตั้งและใช้งานได้ระยะยาว
- ข้อด้อย:
-
- ค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่ากล้อง ค่าติดตั้งสายสัญญาณ
- ควรมีช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีความรู้ในการเดินสายระบบ
- มีความยืดหยุ่นน้อย หากต้องการเปลี่ยนจุดติดตั้งกล้อง ต้องเดินระบบใหม่
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการความปลอดภัยอย่างรัดกุม ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบ้าน และใช้งานในระยะยาว
2. กล้องวงจรปิดแบบไร้สาย (Wireless CCTV)
กล้องวงจรปิดแบบไร้สาย (Wireless CCTV) คือ กล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ WiFi หรืออินเทอร์เน็ตไร้สาย ส่งข้อมูลภาพและเสียงจากกล้องไปยังระบบคลาวด์หรือ NVR มีทั้งรูปแบบที่ต้องเสียบปลั๊ก ใช้แบตเตอรี่ หรือใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถควบคุมและติดตามภาพได้ผ่านสมาร์ทโฟนแบบเรียลไทม์
- ข้อดี:
-
- ติดตั้งสะดวก ไม่ต้องเดินสายสัญญาณ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่ากล้องวงจรปิดแบบมีสาย
- มีความยืดหยุ่นสูง ปรับเปลี่ยนพื้นที่การติดตั้งกล้องได้
- ข้อด้อย:
-
- คุณภาพอาจไม่เสถียร ขึ้นอยู่กับสัญญาณ WiFi
- ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ เช่น การตั้งรหัสผ่าน
- ไม่เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่กว้าง
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการติดตั้งในพื้นที่เฉพาะจุด และมีแผนปรับเปลี่ยนการติดตั้งกล้องในอนาคต
กล้องวงจรปิดมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี?
ในปัจจุบันกล้องวงจรปิดมีหลากหลายรูปแบบ ควรพิจารณาคุณสมบัติและพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสม เพื่อเลือกกล้องวงจรปิดที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบครัน
1. กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน (Standard Camera)
กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน (Standard Camera) หรือ BOX Camera มีลักษณะเหมือนกล่องกระบอกสี่เหลี่ยม มักพบเห็นได้ทั่วไปภายนอกอาคาร ติดตั้งสะดวก เปลี่ยนเลนส์ได้ตามความต้องการ และสามารถใช้ร่วมกับกรอบป้องกันกล้องวงจรปิด (Housing) ที่มีทั้งแบบกันน้ำ กันแดด กันฝุ่นละออง ช่วยป้องกันตัวกล้องจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้
- ข้อดี:
-
- ติดตั้งและใช้งานง่าย
- ราคาไม่แพง
- เปลี่ยนเลนส์ตามการใช้งานที่ต้องการได้
- ข้อด้อย:
-
- เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีแสงสว่าง
- ไม่ทนสภาพแวดล้อมในตัวเอง ต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์ป้องกันเสริมอย่าง Housing
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณในบ้าน ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เช่น ห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน หรือบริเวณนอกบ้านได้ หากมีอุปกรณ์ป้องกันกล้องวงจรปิด
2. กล้องวงจรปิดแบบโดม (Dome Camera)
กล้องวงจรปิดแบบโดม (Dome Camera) มีลักษณะคล้ายรูปโดม ทรงกลม ขนาดเล็ก หมุนตัวเองได้รอบทิศทาง มีให้เลือกทั้งแบบที่มีอินฟราเรด และไม่มีอินฟราเรด บางรุ่นมีคุณสมบัติกันน้ำด้วย นิยมติดตั้งบนฝ้าเพดานภายในบ้านหรืออาคารที่ต้องการความสวยงาม ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม หรือในลิฟต์
- ข้อดี:
-
- ดีไซน์สวย
- กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ไม่เป็นจุดสังเกต
- ตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบทิศทาง 360 องศา
- ข้อด้อย:
-
- ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้
- ไม่เหมาะกับการตรวจจับภาพระยะไกลและภายนอกอาคาร
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม โถงทางเดิน
3. กล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด (Infrared Camera)
กล้องวงจรปิดแบบอินฟาเรด (Infrared Camera) เป็นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไฟ LED มีคุณสมบัติตรวจจับภาพในตอนกลางคืนและมุมอับแสงได้เป็นอย่างดี โดยรุ่นปัจจุบันนิยมใช้ LED Array เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป ทั้งยังมีระยะการตรวจจับภาพให้เลือก เช่น 10 เมตร, 20 เมตร, 30 เมตร และระยะอื่น ๆ ตามความต้องการ
- ข้อดี:
-
- ตรวจจับภาพตอนกลางคืนหรือพื้นที่แสงน้อยได้ดี เช่น สวนรอบบ้าน โรงจอดรถ
- บันทึกเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
- แข็งแรง ติดตั้งในที่แจ้งได้ ทนสภาพอากาศ
- ข้อด้อย:
-
- เมื่อบันทึกในโหมดกลางคืนจะแสดงภาพเป็นสีขาวดำเท่านั้น
- ถ้าอยู่ไกลเกินระยะแสงอินฟราเรดก็จะไม่สามารถมองเห็นภาพได้
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณนอกบ้าน พื้นที่ที่มีแสงน้อย เช่น สวนรอบบ้าน มุมอับ ทางเดินรอบบ้าน
4. กล้องวงจรปิดแบบสปีดโดม PTZ (Pan Tilt Zoom)
กล้องวงจรปิดแบบสปีดโดม PTZ (Pan Tilt Zoom) มีรูปร่างเป็นทรงกลม ขนาดใหญ่ สามารถปรับมุมมองรอบทิศทางตามความต้องการ ทั้งหมุนขึ้น ลง ซ้าย ขวา หรือซูมเข้า-ออก ได้อย่างอิสระ ควบคุมจากระยะไกลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวก บางรุ่นมีฟังก์ชัน Auto Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวได้อัตโนมัติ เหมาะสำหรับการติดตั้งทั้งภายในและภายนอกอาคาร ส่วนใหญ่นิยมใช้กับพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ ที่ต้องการสำรวจภาพรวมโดยรอบ
- ข้อดี:
-
- ปรับมุมมองได้รอบทิศทางอย่างอิสระ
- ควบคุมจากระยะไกลได้
- ติดตั้งแทนการใช้กล้องหลาย ๆ ตัวได้
- ภาพคมชัด มีความละเอียดสูง
- ข้อด้อย:
-
- ราคาสูงกว่ากล้องวงจรปิดรูปแบบอื่น
- อาจมีบางมุมที่มองไม่เห็นเมื่อควบคุมกล้อง
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณนอกบ้าน ที่ต้องการมองเห็นพื้นที่กว้างรอบด้าน เช่น ริมรั้ว ลานจอดรถขนาดใหญ่
5. กล้องวงจรปิดแบบกระบอก (Bullet Camera)
กล้องวงจรปิดแบบกระบอก (Bullet Camera) มีรูปทรงยาวคล้ายกระบอก แข็งแรงทนทานสูง มีคุณสมบัติกันน้ำ แสงแดด ฝุ่นละออง และรองรับระบบอินฟราเรด ทำให้ตรวจจับภาพในเวลากลางคืนหรือพื้นที่แสงน้อยได้ มักนิยมติดตั้งภายนอกอาคาร ทั้งนี้สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม เช่น ติดตั้งขากล้องเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ได้ภาพมุมที่ต้องการมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ข้อดี:
- วัสดุแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
- ตรวจจับภาพในพื้นที่แสงน้อยได้
- เหมาะกับการเก็บภาพมุมกว้าง ระยะไกล
- ข้อด้อย:
-
- ดีไซน์ไม่ค่อยสวยงาม
- อาจถูกกระแทกแล้วมุมมองภาพเปลี่ยน
- แสงอินฟราเรดมีระยะจำกัด
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณนอกบ้าน เช่น ทางเข้า-ออกหน้าบ้าน ริมรั้ว
6. กล้องวงจรปิดแบบโรบ็อต (Robot Camera)
กล้องวงจรปิดแบบโรบ็อต (Robot Camera) เป็นกล้องวงจรปิดแบบไร้สาย ติดตั้งง่าย เพียงเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ผ่านการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต มีเมมโมรี่การ์ดในการบันทึกข้อมูลไว้ดูย้อนหลังได้ ทั้งนี้บางรุ่นสามารถใส่ซิมการ์ดที่มีอินเทอร์เน็ต เพื่อพกพาไปได้ทุกที่ พร้อมฟังก์ชันสั่งการด้วยเสียงได้อีกด้วย
- ข้อดี:
-
- ราคาไม่แพง
- ติดตั้งและใช้งานง่าย พกพาสะดวก
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- เห็นมุมมองรอบทิศทาง 360 องศา
-
ข้อด้อย:
-
- คุณภาพไม่เสถียร ขึ้นอยู่กับสัญญาณอินเทอร์เน็ต
- ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อม เหมาะกับการใช้งานเฉพาะพื้นที่เท่านั้น
- พื้นที่ที่เหมาะสม: บริเวณในบ้าน เช่น ห้องเด็กเล็ก ห้องผู้สูงอายุ หรือโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง
สรุปรูปแบบกล้องวงจรปิดกับพื้นที่การใช้งานภายในบ้านที่เหมาะสม
รูปแบบของกล้องวงจรปิด | พื้นที่การใช้งานที่เหมาะสม |
กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน | บริเวณในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน |
กล้องวงจรปิดแบบโดม | บริเวณในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม โถงทางเดิน |
กล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด | บริเวณนอกบ้าน ที่มีแสงน้อย เช่น สวนรอบบ้าน มุมอับ |
กล้องวงจรปิดแบบสปีดโดม | บริเวณนอกบ้าน เช่น ริมรั้ว ลานจอดรถขนาดใหญ่ |
กล้องวงจรปิดแบบกระบอก | บริเวณนอกบ้าน เช่น ทางเข้า-ออกหน้าบ้าน ริมรั้ว |
กล้องวงจรปิดแบบโรบ็อต | บริเวณในบ้าน เช่น ห้องเด็กเล็ก ห้องผู้สูงอายุ หรือโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง |
ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บ้าน เลือกมุมไหนดี?
เมื่อได้รู้จักกับกล้องวงจรปิดแต่ละรูปแบบกันไปแล้ว ต่อมาอาจเกิดคำถามว่าควรติดตั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณไหนบ้างดี ทั้งนี้ขอแบ่งเป็น 2 บริเวณหลัก คือ บริเวณนอกบ้าน ซึ่งเป็นจุดแรกที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุจากผู้ไม่หวังดีได้มากที่สุด และบริเวณในบ้าน ก็ควรเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ เพื่อเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที เช่น คนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
1. บริเวณนอกบ้าน
- ริมรั้วหรือกำแพงบ้าน: เปรียบเสมือนด่านแรกในการรักษาความปลอดภัย การมีกล้องวงจรปิดจะช่วยบันทึกภาพคนแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เช่น การพยายามงัดหรือปีนรั้วบ้าน รวมถึงสถานการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น อย่างการจอดรถกีดขวาง หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
- หน้าบ้าน: จุดสำคัญที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่บริเวณทางเข้า-ออกหลักของตัวบ้าน การติดกล้องวงจรปิดบริเวณนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพผู้ที่มาติดต่อได้อย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันเหตุการณ์อันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- หลังบ้าน: บริเวณหลังบ้านเป็นอีกหนึ่งจุดเสี่ยง ที่ผู้ไม่หวังดีอาจใช้เป็นเส้นทางบุกรุกเข้ามาในตัวบ้านได้ เพราะเป็นมุมอับสายตา โดยเฉพาะบริเวณกลางคืนที่ไม่มีแสงสว่าง การติดตั้งกล้องวงจรปิดก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย รวมถึงตรวจจับความผิดปกติได้ดี
- ที่จอดรถ: การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณที่จอดรถช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมหรือความเสียหาย อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าของรถตรวจสอบความเรียบร้อยผ่านมือถือได้ตลอดเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องจอดรถไว้นาน หรือไม่อยู่บ้านบ่อย ๆ ก็สามารถตรวจดูความเรียบร้อยเบื้องต้นผ่านกล้องวงจรปิดได้ ทำให้จอดรถได้อย่างอุ่นใจ
- สวน: พื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อนชิล ๆ ปาร์ตี้สนุกสนาน หรือการทำสวน ขณะเดียวกันก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อันตราย เช่น งู ตะขาบ การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณนี้ จะช่วยป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้
2. บริเวณในบ้าน
- ห้องนั่งเล่น: ถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่คนในครอบครัวมักใช้เวลาร่วมกันอยู่เสมอ รวมถึงยังเป็นบริเวณที่มีทรัพย์สินมีค่าจำนวนมาก จึงควรมีกล้องช่วยบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจให้กับทุกคนในบ้าน
- ห้องครัว: อีกบริเวณที่สำคัญในบ้าน เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุจากการทำอาหาร การมีกล้องวงจรปิดช่วยให้เราตรวจสอบความเรียบร้อยได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็กว่าแก๊สปิดสนิทหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกปิดแล้วหรือยัง ทำให้มั่นใจ และสบายใจได้มากขึ้น
- บันได: จุดเชื่อมต่อระหว่างชั้นที่สำคัญ รวมถึงเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุที่อาจพลัดตกบันไดได้ จึงควรมีกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและช่วยเหลือได้ทันเวลา
- ห้องเด็ก ห้องผู้สูงอายุ หรือโซนสัตว์เลี้ยง:เป็นการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงเมื่อต้องอยู่บ้านตามลำพัง เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลืออยู่เสมอ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง มีขั้นตอนอย่างไร?
1. วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบมีสาย (Wired CCTV)
- เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือ ก่อนเริ่มติดตั้งกล้องวงจรปิด จำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ครบถ้วน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นทำงานได้ตามปกติ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กล้องวงจรปิด ที่เราต้องการติดตั้ง
- จอภาพ/จอมอนิเตอร์ สำหรับใช้แสดงภาพจากกล้องวงจรปิด
- สายสัญญาณ สำหรับการส่งข้อมูลจากกล้องวงจรปิดไปยังอุปกรณ์อื่น
- เครื่องบันทึกภาพ สำหรับบันทึกและเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิด
- อุปกรณ์จ่ายไฟ สำหรับจ่ายไฟไปเลี้ยงกล้องวงจรปิดได้ตลอดเวลา
- เครื่องสำรองไฟ สำหรับเผื่อสำรองไฟฟ้ายามฉุกเฉิน
- เลือกตำแหน่งที่ติดตั้ง ทำการสำรวจพื้นที่ เพื่อกำหนดจุดติดตั้งที่เหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น มุมมองของกล้องไม่มีสิ่งกีดขวาง แสงสว่างเพียงพอ และความสะดวกในการเดินสายไฟ ทั้งนี้ควรติดตั้งกล้องให้อยู่สูงพอที่จะสามารถป้องกันการงัดแงะหรือทำลายได้
- ติดตั้งกล้องวงจรปิดและเครื่องบันทึกภาพ เริ่มติดตั้งกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่กำหนดไว้ ปรับทิศทางให้ได้มุมกล้องที่ต้องการ พร้อมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง สำหรับเครื่องบันทึกภาพให้ติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัย เข้าถึงสะดวก และอากาศถ่ายเท ระบายความร้อนได้ดี
- เชื่อมต่อสายสัญญาณและสายไฟ การเดินสายต้องทำอย่างเป็นระเบียบและปลอดภัย เริ่มจากวัดระยะ ตัดสายให้พอดี จากนั้นเดินสายไฟกับสายสัญญาณจากกล้องมายังเครื่องบันทึกภาพ โดยเก็บสายให้เรียบร้อย ด้วยการใช้ท่อร้อยสายหรือรางเก็บสาย พร้อมตรวจสอบการเชื่อมต่อให้แน่นหนา
- ทดสอบการใช้งาน เมื่อติดตั้งเสร็จ อย่าลืมทดสอบระบบอย่างละเอียด เช่น ทดสอบระบบการบันทึก ดูภาพบนหน้าจอแสดงผล ปรับแต่งฟังก์ชัน รวมถึงตรวจสอบการทำงานในเวลากลางคืนด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ากล้องวงจรปิดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
2. วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบไร้สาย (Wireless CCTV)
- เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือ สำหรับการติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบไร้สาย อุปกรณ์จะน้อยกว่ากล้องแบบมีสาย เพียงเตรียมกล้องวงจรปิด สมาร์ตโฟนสำหรับการตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน และชาร์จแบตเตอรี่ให้พร้อม สำหรับกล้องไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่
- เลือกตำแหน่งที่ติดตั้ง การเลือกตำแหน่งสำหรับติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สาย ควรคำนึงถึงความแรงของสัญญาณ WiFi เป็นหลัก ทดสอบความแรงของสัญญาณให้พร้อม โดยตำแหน่งควรอยู่ในระยะที่เราเตอร์ส่งสัญญาณมาถึง เพื่อความเสถียรในการใช้งาน
- ติดตั้งกล้องวงจรปิด ติดตั้งกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่เลือกไว้ โดยสำหรับกล้องวงจรปิดไร้สายที่ต้องเสียบปลั๊ก ก็ควรติดตั้งไว้ใกล้แหล่งจ่ายไฟ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ทั้งนี้ควรตรวจสอบมุมกล้องให้เห็นครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการชัดเจน ไม่มีสิ่งกีดขวาง และไม่อยู่ในจุดที่จะเกิดความเสียหายต่อตัวกล้องได้ง่าย
- เชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟ อยู่ที่รุ่นของกล้องวงจรปิด ซึ่งอาจเป็นการเสียบปลั๊กโดยตรง หรือชาร์จแบตเตอรี่สำหรับกล้องที่มีแบตเตอรี่ ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องวงจรปิดได้รับไฟอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมใช้งานได้แบบไม่ติดขัด
- เชื่อมต่อกล้องกับ Wi-Fi เชื่อมต่อตัวกล้องเข้ากับเครือข่าย WiFi ตามขั้นตอน และตรวจสอบการใส่รหัสผ่านให้ถูกต้อง
- ตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับควบคุมกล้องวงจรปิด โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้ เช่น การแจ้งเตือน การตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการสื่อสารผ่านเสียง ทั้งนี้ควรศึกษาคำแนะนำหรือคู่มือการใช้งานให้เข้าใจก่อนการตั้งค่า
- ทดสอบการใช้งาน เมื่อติดตั้งและเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมทดสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดผ่านการใช้แอปพลิเคชัน ดูคุณภาพของภาพที่บันทึกไว้ ตรวจสอบการแจ้งเตือน รวมถึงความเสถียรของสัญญาณเชื่อมต่อ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เพื่อการใช้งานจริงได้อย่างสะดวกปลอดภัย
ข้อควรระวังในการติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง
1. จุดประสงค์ในการใช้งาน
ก่อนการติดตั้งกล้องวงจรปิดต้องเริ่มจากการกำหนดจุดประสงค์ที่ชัดเจนก่อน เพราะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกประเภทกล้องวงจรปิดที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากต้องการเน้นดูแลความปลอดภัยในเวลากลางคืน ควรเลือกกล้องวงจรปิดที่มีคุณสมบัติการมองเห็นได้ดีในที่มืด อย่างกล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด ดังนั้น การมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ทำให้เลือกกล้องวงจรปิดได้ตอบโจทย์ความต้องการตรงจุด และเป็นการใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า
2. ตำแหน่งในการติดตั้ง
การเลือกตำแหน่งในการติดตั้งก็เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของกล้องวงจรปิด ซึ่งต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น
- มุมมองกล้องต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
- พื้นที่มีแสงสว่างเพียงพอต่อการมองเห็น สำหรับกล้องที่ไม่รองรับการจับภาพในที่มืด
- ระดับการติดตั้งต้องอยู่ในจุดที่ไม่ถูกทำลายได้โดยง่าย
- อยู่ในจุดที่สัญญาณ WiFi และอินเทอร์เน็ตมีความเสถียร สำหรับกล้องวงจรปิดไร้สาย
- การเดินสายสัญญาณเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่กีดขวางพื้นที่ ไม่เกะกะหรือเป็นอันตราย
3. ความพร้อมของระบบไฟฟ้า
ในการติดตั้งกล้องวงจรปิด ต้องเตรียมความพร้อมของระบบไฟฟ้าให้รอบคอบ ควรตรวจสอบกำลังไฟฟ้าให้เพียงพอต่อกล้องที่จะติดตั้ง และควรมีระบบไฟฟ้าสำรอง เตรียมพร้อมหากเกิดกรณีไฟดับ รวมถึงการเดินสายไฟต้องใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน มีการหุ้มฉนวนอย่างดี โดยเฉพาะในจุดที่อาจโดนน้ำหรือความชื้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
4. การเชื่อมต่อและการจัดเก็บข้อมูล
ควรมีการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลที่เสถียรและปลอดภัย พิจารณาระบบในการจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยระบบบันทึกภาพที่นิยมใช้ในปัจจุบันสำหรับกล้องวงจรปิด ได้แก่
- DVR (Digital Video Recorder) เป็นเครื่องบันทึกภาพที่แปลงสัญญาณภาพอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล แล้วบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ภาพอาจมีความละเอียดไม่สูงมาก ติดตั้งง่าย ราคาไม่สูง ใช้สำหรับกล้องวงจรปิดแบบอนาล็อก หรือกล้องที่มีสาย
- NVR (Network Video Recorder) เป็นเครื่องบันทึกภาพที่ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบดิจิทัล แล้วบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ภาพจะมีความคมชัดสูงกว่า DVR และสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้แบบเรียลไทม์ ใช้สำหรับกล้องวงจรปิดแบบ IP หรือกล้องไร้สาย
- Hybrid Recorders เป็นเครื่องบันทึกที่รองรับทั้งกล้องวงจรปิดแบบอนาล็อกและ IP เหมาะกับคนที่ต้องการยกระดับจากการระบบอนาล็อกไปสู่ระบบ IP ไร้สายที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย
- Cloud-Based Recorders เป็นการบันทึกข้อมูลบนระบบคลาวด์ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จึงไม่ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
5. การดูแลรักษาหลังติดตั้ง
หลังการติดตั้งกล้องวงจรปิดเรียบร้อยแล้ว ควรดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องวงจรปิดยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเกิดปัญหาก็จะได้เตรียมแผนรับมือและแก้ไขได้ทันท่วงที
แนวทางการดูแลรักษาหลังติดตั้งกล้องวงจรปิด
- ทำความสะอาดเลนส์กล้อง ด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือน้ำยาล้างเฉพาะ
- ตรวจสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดเป็นประจำ
- อัปเดตซอฟต์แวร์และตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอยู่เสมอ
- ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์เสริม เช่น ระบบเสียง ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานนาน หรือเกิดความเสียหาย
- ตรวจสอบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ตั้งรหัสผ่านให้แน่นหนา
6. ข้อกฎหมายและความเป็นส่วนตัว
ตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) หากติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อกิจกรรมครอบครัว เช่น การดูแลทรัพย์สินและความปลอดภัยของคนในบ้าน ไม่นำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะได้รับข้อยกเว้นตามที่มาตรา 4(1)
ทั้งนี้การติดกล้องวงจรปิดบางพื้นที่ภายในบ้านก็ควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวในการใช้ชีวิตด้วย เช่น ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ไม่ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ