MAIN POINT
- เงินดาวน์คอนโด คือ เงินก้อนที่ต้องจ่ายให้โครงการนั้น ๆ เพื่อเป็นการจองคอนโด ซึ่งส่วนมากเงินดาวน์คอนโดจะอยู่ที่ 5-10% ของราคาห้อง และสามารถเลือกจ่ายได้หลายแบบ ทั้งการจ่ายดาวน์แบบครั้งเดียว, การผ่อนดาวน์คอนโดแบบเท่ากันทุกงวด และแบบที่มีงวดบอลลูน
- สำหรับใครที่วางเงินดาวน์แล้วแต่ยื่นกู้ไม่ผ่าน จะต้องลองเจรจาต่อรองกับโครงการ, ขอเลื่อนวันรับโอนกรรมสิทธิ์, หาคนมากู้ร่วมเพิ่มเติม, ขอคืนเงินดาวน์ที่วางไป หรือขายดาวน์คอนโดต่อบุคคลอื่น
เงินดาวน์คอนโด คืออะไร? มีวิธีและขั้นตอนการดาวน์ยังไงบ้าง?
สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของคอนโดที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด จะต้องรู้จักกับ เงินดาวน์คอนโด ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของหลาย ๆ โครงการ เพราะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดี แถมยังช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ซื้อได้อีกด้วย AP Thai เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการผ่อนดาวน์คอนโดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน พร้อมแชร์วิธีการผ่อนดาวน์คอนโดว่ามีกี่แบบ รวมถึงสิ่งสำคัญอื่น ๆ ที่ควรรู้เอาไว้ ว่าแต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย!
เงินดาวน์คอนโด คืออะไร?
เงินดาวน์คอนโด คือ เงินก้อนที่ต้องจ่ายให้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดนั้น ๆ เพื่อเป็นหลักประกันในการจองคอนโด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นโครงการ Pre-sale ที่สามารถผ่อนดาวน์คอนโดกับโครงการได้โดยตรง และเมื่อใดที่คอนโดสร้างเสร็จก็สามารถทำสัญญาและโอนย้ายเพื่อเข้ามาอยู่ได้ทันที โดยเงินดาวน์คอนโดที่จ่ายไป จะถูกนำไปหักกับราคาห้องที่จองไว้ ซึ่งทำให้จำนวนวงเงินกู้ลดลง ส่งผลให้ธนาคารมีโอกาสอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วมากขึ้น
1. ต้องใช้เงินเท่าไรในการดาวน์คอนโด?
ส่วนมากเงินดาวน์คอนโดจะอยู่ที่ราว ๆ 5-10% ของราคาห้องที่เราต้องการซื้อ แต่ในบางโครงการอาจเพิ่มความน่าสนใจด้วยการเรียกเก็บเงินดาวน์คอนโดเพียงนิดเดียว เพื่อจูงใจและกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราเงินดาวน์คอนโดจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับราคาของโครงการนั้น ๆ และในส่วนค่างวดของการผ่อนดาวน์คอนโดในแต่ละเดือน จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทำสัญญา ยิ่งสัญญายาวก็จะยิ่งได้ค่างวดที่ถูกลง
2. ต้องจ่ายเงินดาวน์คอนโดให้ใคร?
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเงินดาวน์คอนโดต้องจ่ายให้กับธนาคารเหมือนการผ่อนคอนโดทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วการผ่อนคอนโดกับการผ่อนดาวน์คอนโดเป็นเงินคนละส่วนกัน เนื่องจากผู้ซื้อจะต้องจ่ายหรือผ่อนเงินดาวน์ให้กับโครงการคอนโดโดยตรง ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเติม แถมยังสามารถเลือกว่าจะลดวงเงินกู้ให้เท่ากับราคาคอนโดที่เหลือ หรือเลือกเพิ่มวงเงินกู้ให้เท่ากับราคาเต็มของคอนโด เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
การดาวน์คอนโด มีทั้งหมดกี่แบบ?
1. จ่ายดาวน์คอนโดแบบครั้งเดียว
ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีเงินก้อนแล้วอยากเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้จบ ซึ่งการจ่ายเเงินดาวน์คอนโดแบบครั้งเดียวถือเป็นการชำระเงินดาวน์คอนโดด้วยเงินก้อนในทีเดียว หรือบางคนอาจจะเลือกชำระเป็นบัตรเครดิตแทนก็ได้เช่นกัน โดยการจ่ายดาวน์คอนโดในลักษณะนี้มักเจอได้บ่อยในโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากผู้ซื้อสามารถทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย
2. ผ่อนดาวน์คอนโดแบบเท่ากันทุกงวด
สำหรับใครที่มีเงินก้อนแต่อยากสำรองเอาไว้ใช้ในเหตุฉุกเฉิน ก็สามารถเลือกผ่อนดาวน์คอนโดแบบเท่ากันทุกงวดได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ในช่วงทำสัญญาซื้อขายหรือในช่วงที่รอให้คอนโดสร้างเสร็จ โดยหลาย ๆ โครงการมักจะให้เวลาผ่อนประมาณ 1-3 ปี หรือตามระยะเวลาการก่อสร้างคอนโด โดยการแบ่งเป็นงวด ๆ เท่ากัน
ตัวอย่างการผ่อนดาวน์คอนโด
ราคาคอนโด | อัตราผ่อนดาวน์ | ระยะเวลาการผ่อน | ค่างวดต่อเดือน |
4,500,000 บาท | 10% | 30 เดือน | 15,000 บาท |
15 เดือน | 30,000 บาท |
3. ผ่อนดาวน์คอนโดแบบมีงวดบอลลูน
มีลักษณะคล้ายกับการผ่อนดาวน์คอนโดแบบเท่ากันทุกงวด แต่จะมีงวดบอลลูนหรืองวดที่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่น จะต้องจ่ายค่าผ่อนดาวน์คอนโดทั้งสิ้น 300,000 บาท ในระยะเวลา 18 เดือน โดยแบ่งเป็นงวดธรรมดาเดือนละ 10,000 บาท จำนวน 15 งวด และงวดบอลลูนเดือนละ 50,000 บาท ในงวดที่ 1, 9 และ 18 ดังนั้น ผู้ที่ตัดสินใจผ่อนดาวน์คอนโดแบบมีงวดบอลลูน จะต้องวางแผนและเตรียมเงินก้อนให้พร้อมชำระในงวดดังกล่าว
การดาวน์คอนโด ต้องรู้อะไรบ้าง?
1. ระยะเวลาการผ่อนดาวน์คอนโด
ระยะเวลาในการผ่อนดาวน์คอนโดของแต่ละโครงการจะไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนมากมักจะยึดตามระยะเวลาการก่อสร้างเป็นหลัก ทำให้โครงการคอนโดขนาดใหญ่ยูนิตเยอะ จะได้ระยะเวลาในการผ่อนนานกว่าโครงการขนาดกลางหรือยูนิตน้อย โดยมักจะกำหนดเวลาในการผ่อนดาวน์คอนโด ดังนี้
- โครงการแบบ Low Rise มักจะกำหนดระยะเวลาผ่อนดาวน์คอนโดอยู่ที่ 10-18 เดือน
- โครงการแบบ High Rise มักจะกำหนดระยะเวลาผ่อนดาวน์คอนโดอยู่ที่ 24-36 เดือน
2. เงื่อนไขการดาวน์คอนโด
คอนโดถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ก่อนตัดสินใจวางเงินดาวน์จะต้องศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อบังคับต่าง ๆ ของแต่ละโครงการให้ดี เนื่องจากคอนโดแต่ละที่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น จำนวนเงินดาวน์ ระยะเวลาในการผ่อนดาวน์ การขายดาวน์คอนโด ไปจนถึงการขอคืนเงินดาวน์ ตัวอย่างเช่น
- หากเปลี่ยนใจและต้องการขายดาวน์คอนโด จะต้องเช็กรายละเอียดในสัญญาและเงื่อนไขที่ระบุไว้ ว่าหากมีการเปลี่ยนมือจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่
- หากต้องการขอเงินดาวน์คืนหลังวางเงินดาวน์ไปแล้ว จะสามารถทำได้เฉพาะในกรณีที่กู้สินเชื่อไม่ผ่าน รวมถึงโครงการไม่ทำตามสัญญาหรือไม่สามารถสร้างเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด
ถ้าวางเงินดาวน์แล้ว แต่กู้ไม่ผ่านต้องทำยังไง?
ส่วนมากแล้วรายละเอียดในสัญญาข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จะระบุเงื่อนไขและข้อกำหนดในการวางเงินดาวน์เอาไว้อยู่แล้ว เพื่อใช้รองรับกับเหตุที่ไม่คาดฝันอย่างการกู้ซื้อคอนโดไม่ผ่าน ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
- เจรจาต่อรองกับโครงการ เพื่อให้ทางโครงการช่วยติดต่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ร่วมโปรโมชันกับโครงการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ
- เลื่อนวันรับโอนกรรมสิทธิ์ สามารถช่วยขยายเวลาและโอกาสในการทำเรื่องขอยื่นกู้สินเชื่อกับธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ เพิ่มเติม
- หาคนมากู้ร่วม หากใครมีแพลนซื้อคอนโดเพื่ออยู่กับครอบครัวอยู่แล้ว สามารถเพิ่มโอกาสการอนุมัติสินเชื่อ ด้วยการชวนพ่อแม่หรือพี่น้องมากู้ร่วมกัน
- ขอคืนเงินดาวน์ หากทำทุกวิถีทางแล้วแต่ยังกู้ไม่ผ่านสักที สามารถเจรจากับโครงการเพื่อขอคืนเงินดาวน์ได้ เนื่องจากถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
- ขายดาวน์คอนโด สำหรับใครที่วางเงินดาวน์กับโครงการที่มีชื่อเสียงหรือตั้งอยู่บนทำเลดี มักจะมีคนต้องการซื้อดาวน์คอนโดต่ออยู่แล้ว แถมยังมีโอกาสได้กำไรจากการขายดาวน์อีกด้วย
4 เทคนิคผ่อนคอนโดยังไงให้หมดไว
1. ผ่อนให้ตรงเวลา
เป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานที่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเติม แถมยังช่วยสร้างเครดิตและประวัติการชำระหนี้ที่ดี ทำให้เมื่อถึงเวลาต้องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ หรือรีเทนชั่นกับธนาคารเดิม จะได้รับข้อเสนอที่ดีแถมยังผ่านการอนุมัติง่ายอีกด้วย
2. โปะเงินก้อน
เทคนิคสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การโปะเงินก้อน ซึ่งถือเป็นวิธีที่ช่วยร่นระยะเวลาการผ่อนลงไปได้เยอะ เนื่องจากเงินก้อนที่ชำระเพิ่มเข้าไปจะไปตัดเงินต้นแบบล้วน ๆ ดังนั้น หากใครเพิ่งได้รับเงินปันผล เงินโบนัส ถูกลอตเตอรี่ หรือมีเงินเย็นจำนวนมาก แนะนำให้เอามาโปะคอนโดจะช่วยให้ผ่อนหมดไวขึ้นจริง
3. เพิ่มเงินค่างวด
สำหรับใครที่ผ่อนคอนโดมาสักระยะแล้วพบว่า สิ้นเดือนยังมีเงินเหลือเก็บพอประมาณ แนะนำให้เอาเงินส่วนนั้นไปเพิ่มค่างวดในแต่ละเดือน เช่น จากปกติจะต้องผ่อนคอนโดเดือนละ 10,000 บาท ให้บวกเงินเข้าไปสัก 2,000 บาท จนกลายเป็นเดือนละ 12,000 บาท แค่นี้ก็จะช่วยลดเวลาการผ่อนคอนโดลงมาได้หลายปี
4. รีไฟแนนซ์
ส่วนใหญ่แล้วโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำ ๆ จะอยู่ในช่วง 1-3 ปีแรกที่เริ่มกู้ พอเข้าปีที่ 4 ดอกเบี้ยจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ทุกคนที่ผ่อนคอนโดจะต้องทำการรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นการยื่นกู้กับธนาคารใหม่ จึงช่วยให้ได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำลง โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความ รีไฟแนนซ์บ้านต้องทำไง? พร้อมอัปเดตดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านล่าสุด
หรือถ้าใครไม่อยากเปลี่ยนธนาคารและไม่อยากเตรียมเอกสารเยอะแยะให้วุ่นวาย สามารถเลือกรีเทนชั่นหรือขอปรับลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมก็ได้เช่นกัน โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความ รีเทนชั่นคือ? รีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่นแบบไหนดอกเบี้ยถูกกว่า?
เสริมความรู้เรื่องบ้านและการเงินให้มากขึ้น ด้วยบทความน่ารู้จากเอพี
- เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อคอนโดได้เท่าไหร่ ต้องผ่อนเดือนละกี่บาท?
- เผยเคล็ดลับซื้อคอนโดปล่อยเช่าไม่ให้ขาดทุนในยุคคอนโดเฟ้อ
- อัตราดอกเบี้ยบ้าน สินเชื่อบ้าน-คอนโด ทุกธนาคาร ล่าสุด
การผ่อนดาวน์คอนโด ตัวช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของคอนโด
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวและข้อมูลที่เกี่ยวกับการผ่อนดาวน์คอนโด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนอยากซื้อคอนโดต้องรู้ เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการซื้อคอนโดในอนาคตข้างหน้า และถ้าใครกำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และชีวิตการเงิน สามารถใช้ โปรแกรมคำนวณการผ่อนบ้านจากเอพี เพื่อค้นหาคอนโดที่ใช่พร้อมเช็กค่างวดในแต่ละเดือนแบบคร่าว ๆ หรือหากใครมีโครงการคอนโดในใจแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ ก็สามารถใช้ โปรแกรมเปรียบเทียบโครงการที่อยู่อาศัยจากเอพี ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของแต่ละโครงการได้ดียิ่งขึ้น
รวมโครงการคอนโดมิเนียมจาก AP ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ AP
เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต
เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมดีไซน์สวยหรือบ้านแฝดฟังก์ชันใหญ่ คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ