KNOW HOW
  • FINANCIAL

HOW TO คำนวณผ่อนบ้าน-คำนวณผ่อนคอนโด 2567 มือใหม่ซื้อบ้านต้องทำอย่างไร

บทความที่จะตอบทุกข้อสงสัยของคนที่อยากมีบ้านเป็นของตนเอง คำนวณผ่อนบ้าน-คอนโด พร้อมทั้งแนะนำว่าหากต้องการซื้อบ้านต้องทำอย่างไร

AP THAILAND

AP THAILAND

Main Point

  • รายรับ รายจ่าย และประวัติการชำระหนี้ ต่างก็เป็นปัจจัยที่ธนาคารนำใช้พิจารณาการให้กู้เงินซื้อบ้าน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้กู้จะผ่อนชำระได้ตามกำหนด
  • การคำนวณผ่อนบ้านและคำนวณผ่อนคอนโด มีทั้งสูตรคำนวณเงินผ่อนแต่ละเดือน หรือจะคิดวงเงินกู้ซื้อบ้านก็ได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับประวัติการใช้เงินของแต่ละคน

 

เชื่อว่าใคร ๆ ก็ฝันว่าอยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพราะการมีบ้านหรือคอนโดนั้น เป็นเหมือนความสำเร็จอีกขั้นของชีวิต แต่การเป็นเจ้าของทรัพย์สินชิ้นใหญ่แบบนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบ 

โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ควรคำนวณผ่อนบ้านและคำนวณผ่อนคอนโดไว้ให้ดี เพื่อให้บริหารค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอพีได้รวบรวมข้อมูลที่มือใหม่ต้องรู้ ทั้งปัจจัยเรื่องการกู้เงิน การคำนวณเงิน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนกู้เงินอีกด้วย

 

ปัจจัยที่ธนาคารใช้ประเมินในการให้วงเงินกู้ซื้อบ้าน

ก่อนที่จะไปดูวิธีคำนวณผ่อนบ้าน ควรลองดูปัจจัยที่ธนาคารนำมาใช้ในการให้วงเงินกู้ซื้อบ้านกันก่อน โดยธนาคารจะดูจากรายรับ รายจ่าย รวมถึงหนี้สินที่เรามีอยู่ด้วย เพื่อประเมินว่าสถานะทางการเงินของเรา เหมาะสมที่จะได้รับอนุมัติหรือไม่ การคำนวณผ่อนบ้านและคอนโดจะดูจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • รายรับ

การคำนวณรายรับ

 

ปกติธนาคารจะกำหนดอัตราผ่อนรายเดือนไว้ที่ประมาณ 40% ของรายรับหรือเงินเดือนแต่ละเดือน หากมีรายได้ 30,000 บาท จะสามารถผ่อนได้สูงสุดประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแน่นอนว่ารายรับของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีเงินเดือนคงที่ แต่บางคนอาจไม่คงที่ โดยเงินเดือนและโบนัสจะถูกนำมาคิดเป็นรายรับสำหรับคำนวณผ่อนบ้านทั้งหมด

 

  • รายจ่ายและหนี้สินทั้งหมด

การคำนวณรายจ่ายแต่ละเดือน

 

ไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายหรือหนี้สินต่าง ๆ จะถูกยกมาประเมินทั้งหมด ธนาคารจะใช้วิธีพิจารณาด้วยการคำนวณเงินเดือนผ่อนบ้าน โดยแบ่งอัตราส่วนเงินออกเป็นเปอร์เซ็นต์ ธนาคารจะกำหนดเงินที่สามารถผ่อนได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 40% และในอีก 60% จะเป็นรายจ่ายส่วนอื่น

ตัวอย่างเช่น หาก A เป็นเด็กจบใหม่ มีเงินเดือน 20,000 บาท และมีหนี้สินอยู่ 5,000 บาท จะเท่ากับ 20,000 - 5,000 = 15,000 บาท นำ 15,000 มาลบกับ 60% ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว จะเหลือวงเงินที่สามารถผ่อนได้สูงสุด 40% จึงสรุปได้ว่า A สามารถผ่อนได้สูงสุด คือ 6,000 บาท

 

  • ประวัติการชำระหนี้

ค่าบัตรเครดิต

 

ประวัติการชำระหนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากในการคำนวณผ่อนคอนโด หรือคำนวณผ่อนบ้าน เนื่องจากเมื่อธนาคารปล่อยวงเงินกู้ออกไป ก็ต้องหวังว่าผู้กู้จะชำระเงินได้ตามที่ตกลงไว้ ดังนั้นหากใครที่มีประวัติชำระหนี้ล่าช้า ไม่ตรงตามรอบ แต่ปัจจุบันมีรายรับที่มั่นคง ธนาคารอาจอนุมัติเงินกู้ให้ แต่วงเงินที่ได้ก็อาจต่ำกว่าระดับปกติ

 

เปิดสูตรคำนวณผ่อนบ้าน คำนวณผ่อนคอนโด เงินเดือนเท่านี้ กู้ได้เท่าไร

จากที่ทุกคนทราบแล้วว่าธนาคารจะพิจารณาการอนุมัติ โดยอิงจากรายรับ รายจ่ายและหนี้สิน รวมทั้งประวัติการชำระหนี้ นอกจากนี้ธนาคารยังกำหนดสัดส่วนรายจ่ายชำระหนี้ต่อรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือเรียกว่า Debt Service Ratio หรือ DSR โดยกำหนดไว้ไม่เกิน 3.0 อธิบายง่าย ๆ ก็คือรายรับต่อเดือนควรมากกว่าอัตราผ่อนชำระ 3 เท่าขึ้นไป โดยอัตรานี้จะนำมาใช้คำนวณเงินผ่อนชำระแต่ละเดือนด้วยนั่นเอง

 

Do you know?

DSR หรือ Debt Service Ratio คือ อัตราความสามารถในการชำระหนี้ เป็นอัตราที่กำหนดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารว่า ผู้กู้จะผ่อนชำระเงินไหว โดยธนาคารจะหลีกเลี่ยงการปล่อยกู้ให้กับผู้ที่มีระดับ DSR สูงกว่ากำหนดที่ 3.0 ซึ่งหมายถึงผู้กู้จะต้องมีสัดส่วนรายได้เป็น 3 เท่า ของเงินที่ต้องผ่อนชำระ โดยการคิดอัตรา DSR ทำได้ดังนี้

 

รายได้ต่อเดือน (บาท) ÷ ภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระ (บาท) = อัตรา DSR

ตัวอย่าง ถ้าเรามีรายได้ 30,000 บาท และภาระหนี้ 10,000 บาท ต่อเดือน ก็จะคิดเป็น 30,000 ÷ 10,000 = 3 เป็นสัดส่วนการผ่อนนั่นเอง

 

 

ปัจจัยที่ธนาคารใช้ประเมินในการให้วงเงินกู้ซื้อบ้าน

ก่อนที่จะไปดูวิธีคำนวณเงินเดือนผ่อนบ้าน อยากให้ลองดูปัจจัยที่ธนาคารนำมาใช้ในการให้วงเงินกู้ซื้อบ้านกันก่อนว่า มีการประเมินด้านไหนบ้าง แน่นอนว่ารายรับเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ธนาคารนำมาใช้ในการประเมิน แต่รายจ่าย และหนี้สินก็เป็นอีกปัจจัยหลัก ที่มองข้ามไม่ได้เลย ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ประเมินว่ารายได้ของคุณ เหมาะสมที่จะได้รับอนุมัติหรือไม่ โดยจะคำนวณเงินเดือนผ่อนบ้านของคุณจากปัจจัยเหล่านี้

● รายรับ

รายรับ หรือเงินได้ที่เข้ามาสู่กระเป๋าของคุณในแต่ละเดือน โดยปกติแล้วธนาคารจะกำหนดอัตราผ่อนรายเดือนไว้อยู่ที่ประมาณ 40% ของรายรับในแต่ละเดือน หากคุณมีรายได้อยู่ที่ 30,000 บาท จะสามารถผ่อนสูงสุดได้ประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแน่นอนว่ารายได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีเพียงเงินเดือนเท่านั้น บางคนมีทั้งรายได้คงที่ รายได้ไม่คงที่ เงินโบนัส ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาคิดเป็นรายรับทั้งหมด

● รายจ่าย และหนี้สินทั้งหมด

รายจ่าย และหนี้สินต่างๆ ทั้งหมด จะถูกยกมาประเมิน ธนาคารจะใช้วิธีพิจารณาโดยการคำนวณเงินเดือนผ่อนบ้านด้วยการแบ่งอัตราส่วนเงินออกเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารจะกำหนดเงินที่สามารถผ่อนได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 40% และในอีก 60% จะเป็นรายจ่ายส่วนต่างๆ ดังนั้น ดังนั้น หาก A เป็นเด็กจบใหม่ มีเงินเดือน 20,000 บาท และมีหนี้สินอยู่ 5,000 บาท จะเท่ากับ 20,000 - 5,000 = 15,000 บาท นำ 15,000 มาลบกับ 60% ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว จะเหลือวงเวินที่สามารถผ่อนได้สูงสุด 40% จึงสรุปได้ว่า A สามารถผ่อนได้สูงสุด คือ 6,000 บาท

● ประวัติการชำระหนี้

ประวัติการชำระหนี้นั้นสำคัญมาก เนื่องจากธนาคารปล่อยวงเงินกู้ออกไป ก็ต้องหวังว่าผู้กู้จะชำระเงินได้ตามที่ตกลงไว้ ดังนั้นหากคุณมีประวัติชำระหนี้ล่าช้า ไม่ตามรอบ แต่ปัจจุบันมีรายรับที่มั่นคง ธนาคารอาจอนุมัติเงินกู้ให้ แต่วงเงินที่ได้อาจต่ำกว่าระดับปกติ

 

1. สูตรคำนวณเงินผ่อนชำระแต่ละเดือน

การคำนวณอัตราผ่อนชำระ

 

อยากรู้ว่าแต่ละเดือนจะต้องผ่อนชำระเท่าไรให้ใช้สูตร “วงเงินผ่อนแต่ละเดือน = เงินเดือน x DSR (40%)” ดังนั้นหากมีเงินเดือนอยู่ที่ 12,000 บาท อัตราเงินผ่อนต่องวดที่สามารถผ่อนได้สูงสุดคือ 4,800 บาท

 

2. สูตรคำนวณวงเงินกู้ซื้อบ้าน

การขอกู้ซื้อบ้าน

 

ให้ใช้สูตร “(รายได้ของผู้กู้ x หนี้บ้าน 40%) x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้” ดังนั้น เมื่อนำฐานเงินเดือนมาคำนวณคร่าวๆ ผู้ที่ไม่มีหนี้สินอื่นๆ จะมีวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้โดยประมาณดังนี้

 

 

เงินเดือน (บาท)

ผ่อนชำระ/เดือน (บาท)

วงเงินกู้ (บาท)

12,000

4,800

720,000

15,000

6,000

900,000

20,000

8,000

1,200,000

25,000

10,000

1,500,000

30,000

12,000

1,800,000

50,000

20,000

3,000,000

100,000

40,000

6,000,000

 

ถ้ามีหนี้สินต้องผ่อนอยู่ จะคำนวณผ่อนบ้านได้อย่างไรบ้าง?

การบริหารจัดการหนี้สิน

 

สำหรับผู้ที่มีหนี้สินติดตัว ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือแม้แต่ผ่อนบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ วงเงินสูงสุดที่สามารถกู้ได้จะลดลง เนื่องจากธนาคารหลาย ๆ แห่งยังคงประเมินอัตรา DSR อยู่ที่ 40-50% ดังนั้นหากมียอดหนี้อยู่ค่อนข้างมาก ก็จะทำให้ภาระหนี้สินของคุณเพิ่มมากขึ้น 

ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินเดือนอยู่ 20,000 บาท จะต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านต่องวดประมาณ 8,000 บาท แต่มีหนี้บัตรเครดิตอยู่อีกเดือนละประมาณ 3,000 บาท ก็จะต้องนำ “(จำนวนเงินผ่อนบ้าน – หนี้สินที่มี) x 150” 

เท่ากับว่านำ (8,000-3,000) x 150 = 750,000 บาท ดังนั้นหากมีเงินเดือน 20,000 บาท แบบไม่มีหนี้สิน จะสามารถกู้ได้ประมาณ 1,200,000 บาท แต่หากมีหนี้สิน เช่น ค่าบัตรเครดิตเดือนละประมาณ 3,000 บาท จะสามารถกู้เงินได้ประมาณ 750,000 บาท

โดยอัตราคำนวณผ่อนบ้านดังกล่าว จะเป็นเพียงการประมาณราคาคร่าว ๆ เท่านั้น เนื่องจากการกู้บ้าน ธนาคารจะเป็นผู้พิจารณาวงเงิน ความเสี่ยง และระยะเวลาการผ่อน หากคุณมีรายได้ค่อนข้างสูง ประวัติชำระหนี้ที่ดี ธนาคารก็อาจอนุมัติวงเงินวงที่สูงขึ้น รวมถึงยังดูจากระยะเวลาในการผ่อน และนโยบายการให้สินเชื่อตามแต่ละธนาคารอีกด้วย

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านหลังแรก

ก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านหลังแรก นอกจากการคำนวณผ่อนบ้าน เพื่อให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ควรจะรู้ก่อนซื้อบ้านหลังแรก จะมีอะไรบ้าง เอพีสรุปมาให้ดูกันแล้ว

 

1. วงเงินและระยะเวลาในการกู้ซื้อบ้าน

การอนุมัติเงินกู้

 

ถึงจะคำนวณผ่อนบ้านมาอย่างดีแล้ว แต่ผลการพิจารณาอาจไม่เป็นดังที่คาดหวัง เพราะในหลายครั้งวงเงินและระยะเวลา อาจจะไม่ได้ผ่านอนุมัติเต็มจำนวน 100% จึงควรมีเงินเก็บเผื่อไว้บ้างก่อนกู้ซื้อบ้าน เช่น ยื่นขออนุมัติเงินกู้ไป 1,200,000 บาท ธนาคารอาจอนุมัติมา 1,000,000 บาท เท่ากับว่าจะขาดเงินไปประมาณ 200,000 บาท หรือยื่นขออนุมัติไป 20 ปี แต่อาจได้เพียง 15 ปีเท่านั้น จึงควรเตรียมเงินสำรองไว้ใช้ประมาณหนึ่ง

 

2. ดอกเบี้ยเงินกู้และจำนวนเงินผ่อนต่องวด

อัตราดอกเบี้ย

 

ดอกเบี้ยเงินกู้และจำนวนเงินผ่อนต่องวด การกู้บ้านมีดอกเบี้ยหลัก ๆ 2 แบบ คือ Minimum Loan Rate หรือ MLR และ Minimum Retail Rate หรือ MRR โดยแต่ละแบบแตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • MLR หรือ Minimum Loan Rate ใช้สำหรับลูกค้าที่มีประวัติการเงินดี ใช้กับการกู้เงินที่มีการกู้เงินระยะยาวที่มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
  • MRR หรือ Minimum Retail Rate ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไป โดยใช้กับการกู้เงินที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาการชำระคืนที่ตายตัว หรือภาษาที่เข้าใจง่าย คือใช้กับการกู้เงินที่ไม่มีระบุระยะเวลา จะจบเมื่อคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยจนครบ

การยื่นกู้แต่ละครั้งนอกจากการคำนวณผ่อนบ้าน ธนาคารก็ยังให้คำแนะนำเรื่องดอกเบี้ย และระยะเวลาการผ่อนว่าควรผ่อนอยู่ที่ประมาณกี่ปี โดยคำนวณจากเงินเดือน หักค่าผ่อนบ้าน และหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ ก็จะสรุปได้ว่าควรผ่อนบ้านในระยะเวลากี่ปี ดังนั้นก่อนตัดสินใจกู้ ควรวางแผนให้รอบคอบ

 

3. ราคาบ้านและทำเลที่ตั้ง

บ้านหรือคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามักมีราคาแพงขึ้น

 

เชื่อว่าทุกคนคงเคยเห็นโพสต์ตามโซเชียลมีเดียว่า ทำเลที่ตั้งสุดแพงในกรุงเทพอยู่ย่านไหนบ้าง มีการจัดอันดับราคาพื้นที่จากแพงสุด จนไปถึงกราฟที่แสดงข้อมูลราคาทำเลที่ตั้งในแต่ละปี หากต้องการบ้านที่ทำเลดี ก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่สูง จึงต้องกู้เงินมากขึ้น จึงควรคำนวณให้ดีว่ารายรับของเราเพียงพอต่อการผ่อนชำระหรือไม่

 

4. ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน

ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้าน

 

นอกจากทำเลที่ตั้งบ้านแล้ว พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยด้วย จึงควรวางแผนให้ดีก่อนซื้อว่าในอนาคตต้องการขยับขยายครอบครัว เพิ่มจำนวนสมาชิก หรือจะมีคุณพ่อคุณแม่ผู้สูงอายุย้ายมาอาศัยอยู่ด้วยกันหรือ แล้วลองคำนวณค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ

 

5. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนกู้ซื้อบ้าน

การขอกู้ซื้อบ้าน

 

เมื่อคำนวณผ่อนบ้านเรียบร้อย และทราบวงเงินโดยประมาณที่สามารถยื่นกู้ซื้อบ้านได้แล้ว ให้เตรียมตัวยื่นขออนุมัติเงินกู้ โดยให้พยายามเก็บเงินออม เคลียร์หนี้เก่าให้หมดเท่าที่สามารถทำได้ และจัดการรายละเอียดการเดินบัญชีของตนเอง

  • มีเงินออมเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ควรมีเงินออมเบื้องต้นก่อนจะกู้บ้าน สำหรับค่าใช้จ่ายตั้งแต่การทำสัญญา การจ่ายเงินจองบ้าน เงินดาวน์ ควรมีเงินขั้นต่ำอย่างน้อย 20% ของราคาบ้านที่ต้องการยื่นกู้
  • รักษาประวัติการเงินให้ดี ควรรีบเคลียร์หนี้เก่าให้หมด พยายามลดค่าใช้จ่าย หรือค่าใช้จ่ายที่เดินผ่านบัญชี เพราะหากมีหนี้เดิมค่อนข้างสูง เป็นหนี้บัตรเครดิต มีประวัติชำระล่าช้า หรือติดเครดิตบูโรบ้าง ก็อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ธนาคารไม่อนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้าน เนื่องจากประวัติเดิมไม่ค่อยดี 
  • จัดการรายการเดินบัญชีให้เรียบร้อย เนื่องจากธนาคารจะตรวจประวัติตั้งแต่ประวัติหนี้สิน รายการเดินบัญชีย้อนหลังของคุณว่ามีการใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน หรือรายรับน้อยกว่ารายจ่ายปัจจุบันหรือไม่ บางคนไม่มีหนี้สินติดตัว แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวสูงมาก ก็อาจทำให้ธนาคารพิจารณาลดวงเงินกู้ก็เป็นได้

 

ขั้นตอนการเตรียมตัวยื่นกู้มีอะไรต้องทำบ้าง?

การยื่นขอกู้ซื้อบ้าน

 

สำหรับคนที่ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะซื้อบ้าน หลังคำนวณผ่อนบ้านกันเรียบร้อยแล้วว่าจะผ่อนไหว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวยื่นกู้ มีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้

 

1. จัดเตรียมเอกสาร การกู้บ้านมีเอกสารที่จำเป็นต้องใช้หลายอย่าง ควรเตรียมให้ครบและทำสำเนาให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลายื่นกู้ก็จะส่งเอกสารได้เลยทันที ไม่ต้องเสียเวลามานั่งหากันใหม่ โดยเอกสารที่ควรเตรียมไว้ ได้แก่

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนารับรองสถานภาพสมรส
  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สมุดบัญชีเงินฝาก รวมทั้งเอกสารแสดงรายได้ของตนเอง
  • สำเนาการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล (ถ้ามี)
  • ข้อมูลโครงการที่ต้องการซื้อ

2. ผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) เนื่องจากบางคนอยากผ่อนบ้านไปเลยครั้งเดียวจบ แต่บ้านอาจมีราคาที่สูงเกินไป ลองคำนวณผ่อนบ้านคร่าว ๆ แล้วเห็นว่าอาจกู้ไม่ผ่าน หรือได้วงเงินน้อยมาก หากต้องการเพิ่มโอกาสในการอนุมัติวงเงินกู้ที่สูงขึ้น อาจใช้วิธีการกู้ร่วม ซึ่งเงื่อนไขของผู้กู้ร่วมนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้กู้อย่างมาก เช่น พี่น้อง บิดามารดา หรือสามีภรรยา เป็นต้น

3. ส่งเอกสารขอยื่นกู้เงินและรอผล เมื่อยื่นเอกสารเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะต้องรอฟังผลการประเมิน ซึ่งโดยปกติเจ้าหน้าที่ทำการประเมินและแจ้งผลการพิจารณาภายใน 7 วัน

4. จัดทำสัญญากู้เงินและจดจำนอง เมื่อผลการยื่นขอกู้ผ่านเรียบร้อยแล้ว ธนาคารจะนัดวันเวลาให้มาทำสัญญา พร้อมชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ โดยการจดจำนองจะคิดเป็น 1% ของวงเงินกู้

คำนวณผ่อนบ้านเรียบร้อย พร้อมจะหาบ้านที่ใช่ อย่าลืมให้เอพีเป็นทางเลือก

เพราะการกู้เงินซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจให้รอบคอบ ถึงแม้ว่าจะคำนวณผ่อนบ้านหรือคำนวณผ่อนคอนโดมาอย่างดีแล้ว ก็อย่าลืมว่าแต่ละสเต็ปของชีวิต อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากได้ อย่าลืมบริหารจัดการการเงินให้ดี เพื่อให้เพียงพอต่อการผ่อนชำระ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่อาศัยในบ้านแสนรักได้อย่างมีความสุขที่สุด

 

ใครอยากมีบ้านหลักแรก เอพีพร้อมเติมเต็มเป้าหมาย ชีวิตดี ๆ ในพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย โฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋ง รองรับทุกธุรกิจ และคอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย ก็เลือกให้ตอบโจทย์ได้เลย เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

 

ชมรายละเอียดบ้านเดี่ยวจากเอพี

 

EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

 

RELATED ARTICLES