ขณะนอนหลับพักผ่อนอย่างมีความสุข หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีภัยร้ายบางอย่างแฝงอยู่ ซึ่งนั่นก็คือตัวฝุ่นหรือไรฝุ่นนั่นเอง โดยไรฝุ่นนั้นเป็นตัวไรขนาดจิ๋ว ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มักจะเกาะอยู่ตามเสื้อผ้า เครื่องนอน หรือแม้กระทั่งพรม และผ้าม่านในบ้าน ทำให้ผู้ที่ถูกไรฝุ่นกัดเกิดอาการคันยุบยิบ
สำหรับบางคนที่มีอาการแพ้จากไรฝุ่นกัดอาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ไรฝุ่นยังเป็นสาเหตุของอาการแพ้และโรคหอบหืดอีกด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดไรฝุ่นอยู่เสมอเพื่อปกป้องคนในบ้านไม่ให้ไรฝุ่นกัดและเป็นโรคหอบหืดได้ เรามาดูกันเลยว่าจะสามารถกำจัดไรฝุ่นเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
อาการเหล่านี้ ถูกไรฝุ่นกัดชัดๆ
เนื่องจากไรฝุ่นคือไรตัวเล็กที่มีขนาดเพียง 0.3 มิลลิเมตร จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตัวเปล่า โดยตัวไรฝุ่นมักอาศัยอยู่ตามใยผ้า คอยกัดกินเศษผิวหนังและรังแคของเราเป็นอาหาร นอกจากนั้น ยังสามารถพบได้ตามที่นอน พรม ผ้าม่าน หรือตุ๊กตา และโซฟ้าผ้า ทั้งนี้ ตัวไรฝุ่นจะเติบโตได้ดีที่สุดในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส จึงทำให้ตัวไรฝุ่นชอบความชื้น สอดคล้องกับตัวเราที่อยู่ในนอนที่มีอุณหภูมิดังกล่าว จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะถูกไรฝุ่นกัด นอกจากนั้น เมื่อโดนไรฝุ่นกัดก็จะเกิดอาการต่างๆ เหล่านี้ตามมาอีกด้วย
ไรฝุ่นกัดมีอาการอย่างไรบ้าง
- อาการภูมิแพ้ เป็นอาการที่เกิดจากไรฝุ่นกัด มักเกิดขึ้นกับคนที่ภาวะภูมิไวเกินจากสารต่างๆ เช่น อาหาร ไรฝุ่น หรือละอองเกสรดอกไม้ ส่งผลให้ผู้ที่มีอาการรู้สึกคัดจมูก น้ำมูกไหล และไอจามได้
- อาการหอบหืด อีกหนึ่งอาการที่มาจากไรฝุ่นกัด สามารถเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือมลพิษทางอากาศ ทำให้ผู้ที่เป็นหอบหืดมีอาการไอและมีเสมหะ รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจได้ไม่ทั่วท้อง และเหนื่อยหอบ ทั้งนี้ ถึงอาการดังกล่าวมักเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีจะดีกว่า
รักษาอาการแพ้ เมื่อถูกไรฝุ่นกัด
การถูกไรฝุ่นกัด นอกจากจะส่งผลให้เกิดภูมิแพ้หรือหอบหืดแล้ว ยังทำให้บางคนมีอาการตั้งแต่คันยุบยิบตามตา จมูก บางครั้งอาจมีน้ำมูกไหลด้วย เป็นต้น ซึ่งอาการแพ้ไรฝุ่นในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป สำหรับการรักษาอาการแพ้ไรฝุ่นก็จะต่างกันไปด้วยเช่นกัน ดังนี้
ทานนยาแก้แพ้
ในกรณีที่คุณถูกไรฝุ่นกัดและมีอาการตามมา เช่น ไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือผื่นขึ้นจากอาการภูมิแพ้ ให้ทำการกินยาแก้แพ้ซึ่งมีทั้งชนิดเม็ดซึ่งเหมาะสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่และแบบน้ำที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เพราะทานง่ายและป้องกันการติดคอด้วย โดยยาที่คนส่วนมากนิยมรับประทาน ได้แก่ ยาคลอร์เฟนิรามีนหรือยาบรอมเฟนิรามีน เป็นต้น เนื่องจากสรรพคุณที่ช่วยลดน้ำมูกและบรรเทาอาการไอ จาม คัดจมูก รวมถึงอาการผื่นคันได้ด้วย
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์สมัยใหม่ที่นอกจากอาศัยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายแล้ว ยังมีการรักษาด้วยการเริ่มจากปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และมีการพัฒนาสภาพอารมณ์และจิตใจให้กลายเป็นคนที่แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมรับมือและป้องกันอาการที่เกิดจากไรฝุ่นกัดอย่างมีประสิทธิภาพ
5 วิธีกำจัดไรฝุ่นตัวร้าย ต้นเหตุภูมิแพ้
ด้วยปัญหาไรฝุ่นกัดอันเกิดจากไรตัวเล็กได้อาศัยอยู่ตามที่นอน หมอนมุ้ง ผ้าห่ม หรือผ้าม่าน จึงทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนั้น ยังอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจอีกด้วย ดังนั้น การกำจัดไรฝุ่นด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ทำความสะอาดที่นอนหรือกำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยไม่ให้ไรฝุ่นกวนใจเราได้อีก
เปลี่ยนเครื่องนอนเสมอ
ที่นอนถือเป็นแหล่งรวมของตัวไรฝุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจุดที่เกิดความชื้นง่าย เนื่องมาจากคราบเหงื่อและเศษผมที่อยู่บนเตียง ดังนั้น การเปลี่ยนเครื่องนอนอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนหนุนศีรษะหรือปลอกหมอนข้างจะช่วยให้ไรฝุ่นเหล่านี้หายไปจากที่นอนของเรา ทั้งยังช่วยป้องกันและยับยั้งไม่ให้เกิดอาการแพ้ได้ด้วย
ทำความสะอาดเครื่องนอน
หากเรามีผ้าปูที่นอนหรือปลอกหมอนจำกัด ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนได้บ่อยๆ การนำไปทำความสะอาดแล้วค่อยนำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกำจัดไรฝุ่นได้เช่นกัน โดยให้ทำการซักชุดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอุณหูภูมิ 60 องศา จากนั้นนำไปตากแดดจัด จะช่วยกำจัดไรฝุ่นและแบคทีเรียที่คอยเกาะอยู่ตามชุดเครื่องนอนนั้นหายไป ซึ่งการทำความสะอาดนั้น ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดีของคุณและคนในบ้าน
กำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ
ปัญหาไรฝุ่นกัดจะหมดไป ถ้าเราหมั่นกำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อกำจัดฝุ่นละอองหรือการชุบน้ำหมาดเพื่อทำความสะอาดพื้นที่ส่วนต่างๆ ภายในบ้าน เพียงเท่านี้ ก็หมดปัญหากวนใจเรื่องไรฝุ่นแล้ว
กำจัดของที่ไม่ใช้ และตัวการเกิดฝุ่น
การกำจัดของที่ไม่ใช้แล้วเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันอาการแพ้จากไรฝุ่นกัดได้ โดยให้เริ่มจากการสำรวจดูสิ่งของภายในบ้านว่ามีอะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้แล้ว จากนั้นให้นำไปทิ้ง เพราะอย่าลืมว่า หากปล่อยทิ้งไว้นาน นอกจากจะทำให้เกิดฝุ่นละอองและคราบสกปรกแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของไรฝุ่นอีกด้วย
วิธีป้องกันไรฝุ่นตัวจิ๋วไม่ให้กลับมากวนใจอีก
นอกจากการใช้วิธีกำจัดไรฝุ่นแล้ว การป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นเกิดและเติบโตในบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกไรฝุ่นกัดจนเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้น ทุกคนจึงควรหมั่นทำความสะอาด มีการควบคุมความชื้นหรืออุณหภูมิภายในบ้าน เป็นต้น
ทำความสะอาด กำจัดฝุ่นในบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องนอน ก็ถือว่าเป็นแหล่งพักผ่อนและทำกิจกรรมที่สำคัญของคนในบ้าน ดังนั้น การทำความสะอาดและกำจัดฝุ่นภายในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปัด กวาด เช็ด หรือถู จะทำให้ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ ถูกกำจัดออกไป ช่วยให้ห้องดูสะอาดและเรียบร้อย ทั้งยังส่งผลให้สภาพแวดล้อมภายในบ้านดีขึ้นอีกด้วย
ควบคุมความชื้นภายในบ้าน
ความชื้นภายในบ้านเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากทั้งสภาพอากาศนอกบ้านและในบ้าน รวมถึงจากการใช้น้ำ อาบน้ำ ซักผ้า หรือล้างจาน ประกอบกับไรฝุ่นมักชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีความชื้น ดังนั้น การควบคุมความชื้นด้วยการเปิดช่องระบายอากาศ ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ หรือการเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน จะช่วยขจัดความชื้นเหล่านั้นออกไป ทำให้คุณและคนในบ้านหมดปัญหาไรฝุ่นกัดและอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
ควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน
เนื่องจากไรฝุ่นเติบโตในอุณหภูมิที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้น จึงขอแนะนำให้คุณทำความสะอาดในพื้นที่ที่มีความอุ่นหรืออุณหภูมิสูงกว่าจุดอื่น เช่น เตียงนอน โซฟา หรือเก้าอี้ เนื่องจากเป็นส่วนที่เรามักนั่งหรือนอนภายในบ้านอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงการล้างสิ่งของหรือทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อและกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากๆ จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยเปล่า มักจะเกาะอยู่ตามที่นอน เสื้อผ้า ตุ๊กตา และผ้าม่าน โดยอาศัยความชื้นจากร่างกายในการเจริญเติบโต จนทำให้ร่างกายเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย และพัฒนากลายเป็นภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืดได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไรฝุ่นกัดเป็นเพียงการอธิบายถึงอาการแพ้ไรฝุ่น ที่ทำให้เกิดรอยแดง อาการคัน บางครั้งอาจมีอาการอื่นๆ อย่างอาการจาม และน้ำมูกไหลร่วมด้วย เราจึงต้องกำจัดไรฝุ่นด้วยการนำที่นอนไปตากแดดลดความชื้น ทำความสะอาดที่นอนสม่ำเสมอ และดูดฝุ่นเป็นประจำเพื่อไม่ให้ไรฝุ่นเจริญเติบโตและมีจำนวนมากขึ้น