KNOW HOW
  • FINANCIAL

    เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อคอนโดได้เท่าไหร่ ต้องผ่อนเดือนละกี่บาท?

    ใครอยากผ่อนคอนโดต้องอ่าน! เงินเดือนเท่านี้สามารถกู้ซื้อคอนโดได้เท่าไร พร้อมวิธีการคำนวณผ่อนคอนโดและเคล็ดลับการผ่อนคอนโดยังไงให้หมดเร็วขึ้นกว่าเดิม

    AP THAILAND

    AP THAILAND

    กู้ซื้อคอนโดสูงสุด

    MAIN POINT

     

    • ก่อนตัดสินใจผ่อนคอนโด ต้องศึกษาข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย, ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อธนาคาร, ประเมินความสามารถในการผ่อนของตัวเอง, จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอสินเชื่อ และสำรองเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
    • วงเงินในการกู้ซื้อคอนโดสูงสุด จะขึ้นอยู่กับเงินเดือนและภาระหนี้สินที่มีในปัจจุบัน ดังนั้น หากยิ่งมีเงินเดือนสูงเท่าไร ก็ยิ่งสามารถกู้เงินซื้อคอนโดและมีความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือนมากขึ้นเท่านั้น

     

    สำหรับใครที่อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง จะต้องเริ่มวางแผนผ่อนคอนโดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมกับความรับผิดชอบที่จะเข้ามา วันนี้ AP Thai เลยรวบรวม 5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจผ่อนคอนโด พร้อมแชร์วิธีการคำนวณผ่อนคอนโดแบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้รู้ว่าถ้ามีเงินเดือนเท่านี้จะกู้ซื้อคอนโดได้เท่าไร ซึ่งจะมีรายละเอียดยังไงบ้างนั้น ไปตามอ่านกันได้เลย!

     

    วิธีการคำนวณผ่อนคอนโดแบบง่าย ๆ

    การคำนวณผ่อนคอนโด

     

    ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคอนโด การคำนวณความสามารถในการผ่อนเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะช่วยให้เรารู้ว่าจริง ๆ แล้วเงินเดือนในปัจจุบันของเรา สามารถผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไร และจะได้วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่เท่าไร ซึ่งถือเป็นการวางแผนทางการเงินที่สำคัญ โดยวิธีการคำนวณจะมีอยู่ 2 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

     

    1. คำนวณหา “ความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือน”

    ( เงินเดือน - ภาระหนี้สินต่อเดือน ) x 40% = ความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือน

     

    ตัวอย่างเช่น

     

    • เงินเดือน = 30,000 บาท / หนี้สินต่อเดือน = 0 บาท
      ( 30,000 - 0.00 ) x 40 % = 12,000 บาท
    • เงินเดือน = 30,000 บาท / หนี้สินต่อเดือน = 3,000 บาท
      ( 30,000 - 3,000) x 40% = 10,800 บาท

     

    2. คำนวณหา “วงเงินกู้สูงสุด”

    ( ความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือน x 1,000,000 ) ÷ 7,000 = วงเงินกู้สูงสุด

     

    ตัวอย่างเช่น

     

    • ความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือน = 8,000 บาท
      ( 8,000 x 1,000,000 ) ÷ 7,000 = 1,140,000 บาท
    • ความสามารถในการผ่อนคอนโดต่อเดือน = 23,000 บาท
      ( 23,000 x 1,000,000 ) ÷ 7,000 = 3,280,000 บาท

     

    สำหรับใครที่คำนวณไม่เก่งหรืออยากลองคำนวณเงินเดือนในหลาย ๆ รูปแบบ เพื่อเอามาเปรียบเทียบกัน สามารถใช้ โปรแกรมคำนวณผ่อนคอนโดและสินเชื่อเบื้องต้น จากเอพี ที่ใช้งานง่ายแถมยังช่วยแนะนำโครงการที่เหมาะกับเราอีกด้วย

     

    เงินเดือนเท่านี้ สามารถกู้ซื้อคอนโด และต้องผ่อนเดือนละได้เท่าไร?

    บัญชีเงินเดือน

     

    ตารางความสามารถในการผ่อนคอนโด

    เงินเดือน 

    (บาท)

    วงเงินกู้สูงสุด 

    (บาท)

    ความสามารถในการผ่อนต่อเดือน 

    (บาท)

    20,000 1,140,000 8,000
    25,000 1,420,000 10,000
    30,000 1,710,000 12,000
    35,000 2,000,000 14,000
    40,000 2,280,000 16,000
    45,000 2,570,000 18,000
    50,000 2,850,000 20,000
    55,000 3,140,000 22,000
    60,000 3,420,000 24,000
    65,000 3,710,000 26,000
    70,000 4,000,000 28,000
    75,000 4,280,000 30,000
    80,000 4,570,000 32,000
    85,000 4,850,000 34,000
    90,000 5,140,000 36,000
    95,000 5,420,000 38,000
    100,000 5,710,000 40,000

     

    แชร์ 5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจผ่อนคอนโด

    1. ทำความเข้าใจกับอัตราดอกเบี้ย

    อัตราดอกเบี้ย

     

    ก่อนเริ่มผ่อนคอนโดจะต้องศึกษาเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้ดี เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สามารถเลือกสินเชื่อที่คุ้มค่าและตอบโจทย์กับเรามากที่สุด ซึ่งการเลือกกู้ซื้อคอนโดกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ จะช่วยให้เราสามารถผ่อนคอนโดหมดเร็วขึ้น โดยประเภทของอัตราดอกเบี้ยบ้านและคอนโด มีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

     

    • อัตราดอกเบี้ยคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดไว้แบบคงที่ โดยจะระบุเป็นตัวเลขชัดเจน และไม่มีการปรับขึ้นลงตลอดอายุสัญญาหรือตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
    • อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่แน่นอนและไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขชัดเจน แต่จะปรับขึ้นลงตามค่า MLR MOR และ MRR ซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจและต้นทุนทางการเงินของธนาคารนั้น ๆ

     

    สำหรับใครที่ต้องการอัปเดตอัตราดอกเบี้ยบ้านและโปรโมชันจากธนาคารที่น่าสนใจ สามารถตามไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2567 สินเชื่อบ้าน-คอนโด ทุกธนาคาร ล่าสุด พร้อมด้วย 5 เคล็ดลับการเลือกสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อคอนโดให้ได้ดอกเบี้ยต่ำ

     

    2. ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อธนาคาร

    ศึกษาข้อมูลสินเชื่อ

     

    เนื่องจากแต่ละธนาคารในไทยมีการออกสินเชื่อและโปรโมชันที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในด้านอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลาการผ่อนชำระ รวมถึงโปรโมชันและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ดังนั้น การศึกษาและรวบรวมข้อมูลสินเชื่อของแต่ละธนาคาร เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าสินเชื่อธนาคารไหนคุ้มค่าและเหมาะสมกับเรามากที่สุด จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกสินเชื่อสำหรับกู้ซื้อคอนโดที่ดีที่สุดได้ อีกทั้งยังช่วยให้ผ่อนคอนโดหมดไวขึ้นอีกด้วย

     

    3. ประเมินความสามารถในการผ่อนของตัวเอง

    สภาพคล่องทางการเงิน

     

    สิ่งที่ช่วยให้เราสามารถกู้ซื้อคอนโดที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับการเงินของเรามากที่สุด คือ การประเมินความสามารถในการผ่อนต่อเดือน รวมถึงวงเงินกู้สูงสุดที่ลงตัวกับรายได้ เพื่อให้การผ่อนคอนโดในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังช่วยให้มองเห็นภาพรวมและสามารถวางแผนการเงินในแต่ละเดือนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึง มีด้วยกัน 2 ส่วน ดังนี้

     

    • รายได้หรือเงินเดือน คือ ปัจจัยสำคัญที่ต้องใช้พิจารณาในการกู้ซื้อคอนโด เพราะเป็นสิ่งที่ธนาคารเอาไว้พิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ โดยรายได้หรือเงินเดือนจะบ่งบอกได้ถึงวงเงินกู้สูงสุดที่เราสามารถกู้ได้ รวมถึงความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน
    • ภาระหนี้สิน คือ อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็น หนี้บัตรเครดิตหรือค่างวดรถ โดยภาระหนี้สินทั้งหมดไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เนื่องจากทางธนาคารจะนำตัวเลขในส่วนนี้ไปพิจารณาร่วมกับเงินเดือนของเราเพื่อหารายได้สุทธิต่อเดือน ดังนั้น ยิ่งภาระหนี้สินน้อยเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อในวงเงินที่สูงมากขึ้นเท่านั้น

     

    4. จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอสินเชื่อ

    จัดเตรียมเอกสาร

     

    เพื่อให้การดำเนินการยื่นเรื่องขอกู้ซื้อคอนโดกับทางธนาคารเป็นไปอย่างราบรื่น ควรจะต้องจัดเตรียมเอกสารสำหรับการขอสินเชื่อให้เรียบร้อย โดยเอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้

     

    เอกสารส่วนตัว

     

    • สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาบัตรข้าราชการ / สำเนาบัตรรัฐวิสาหกิจ
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
    • สำเนาทะเบียนสมรส / สำเนาใบหย่า (ถ้ามี)

     

    เอกสารทางการเงิน (สำหรับพนักงานเงินเดือน)

     

    • หนังสือรับรองเงินเดือน
    • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
    • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
    • สำเนาใบประกอบวิชาชีพ

     

    เอกสารทางการเงิน (สำหรับเจ้าของกิจการส่วนตัว)

     

    • สำเนาทะเบียนการค้า / สำเนาทะเบียนบริษัท
    • ภาพถ่ายกิจการ
    • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน ทั้งบัญชีส่วนตัวและบัญชีกิจการ
    • หลักฐานการเสียภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร

     

    เอกสารหลักประกัน

     

    • สำเนาโฉนดที่ดิน / หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (น.ส.3 ก.)
    • หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช.2)
    • สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย / สัญญาวางมัดจำ
    • แผนที่ตั้งโดยสังเขปของอสังหาริมทรัพย์
    • รูปถ่ายอสังหาริมทรัพย์
    • เอกสารอื่น ๆ ตามธนาคารกำหนด

     

    5. สำรองเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

    เงินสด

     

    นอกเหนือจากเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมแล้ว ก็ต้องไม่ลืมเตรียมเงินสดสำรองเอาไว้ให้พร้อม เนื่องจากในขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ จำเป็นต้องมีการชำระเงินเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วน ดังนี้

     

    • ค่าใช้จ่ายตอนจองคอนโด ไม่ว่าจะเป็น ค่าจองห้อง ค่าทำสัญญา
    • ค่าใช้จ่ายตอนยื่นขอสินเชื่อ ไม่ว่าจำเป็น ค่าประเมินหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
    • ค่าใช้จ่ายตอนโอนคอนโด ไม่ว่าจะเป็น ค่าจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ค่าโอนกรรมสิทธิ์
    • ค่าใช้จ่ายก่อนเข้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ค่าประกันและติดตั้งมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า ค่ากองทุนส่วนกลาง ค่าส่วนกลางล่วงหน้า

     

    บอกต่อ 4 เคล็ดลับการผ่อนคอนโดให้หมดเร็วขึ้น

    1. ชำระค่างวดให้ตรงตามกำหนด

    การผ่อนคอนโด

     

    นอกจากการจ่ายค่างวดให้ตรงตามกำหนดจะช่วยให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มแล้ว ยังช่วยสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีได้อีกด้วย ทำให้เวลาที่เราต้องการยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่หรือขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิม จะช่วยเพิ่มโอกาสการได้รับข้อเสนอหรืออัตราดอกเบี้ยที่ดี แถมยังผ่านการอนุมัติง่าย ซึ่งมีผลต่อการผ่อนคอนโดให้หมดไวขึ้น

     

    2. เพิ่มยอดการผ่อนคอนโดต่อเดือน

    การจ่ายค่างวดเพิ่ม

     

    สำหรับเทคนิคนี้อาจจะต้องอาศัยความอดทนเล็กน้อย เนื่องจากในแต่ละเดือนเราจะต้องประหยัดเงินหรือลดค่าใช้จ่ายในบางส่วน เพื่อนำเงินไปจ่ายค่างวดให้มากกว่าที่ธนาคารกำหนด เช่น ปกติจะต้องจ่ายค่างวดต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท แต่เลือกสมทบเพิ่มไปอีกเดือนละ 10% เท่ากับว่าในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายค่างวดอยู่ที่ 11,000 บาท โดยเงินที่จ่ายเพิ่มเข้าไปจะไปหักกับเงินต้น จึงสามารถช่วยให้ผ่อนคอนโดหมดไวขึ้นนั่นเอง

     

    3. โปะคอนโดด้วยเงินก้อนใหญ่

    การโปะคอนโด

     

    เทคนิคนี้เป็นเทคนิคสำคัญที่สามารถช่วยให้ผ่อนคอนโดหมดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยการโปะคอนโดด้วยเงินก้อนใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นเงินเย็นในบัญชี เงินโบนัส หรือเงินปันผลต่าง ๆ เช่น ปกติแล้วจะต้องจ่ายค่างวดเดือนละ 10,000 บาท แต่ช่วงต้นปีได้รับเงินโบนัสมา 70,000 บาท จึงเลือกที่จะโปะคอนโดเพิ่มไปอีก 50,000 บาท ก็จะส่งผลให้ผ่อนคอนโดได้รวดเร็วขึ้น แต่แนะนำว่าให้จ่ายเพิ่มในวันเดียวกันกับวันจ่ายค่างวด เพื่อให้เงินก้อนนั้นไปตัดกับเงินต้นทั้งหมด ซึ่งถ้าใครอยากได้เทคนิคการโปะบ้านเพิ่มเติม AP Thai ได้รวบรวมเคล็ดลับการโปะบ้านเอาไว้แล้ว สามารถตามไปอ่านกันได้ที่ เปิด 6 เคล็ดลับโปะบ้านให้หมดเร็ว 2567 ใครผ่อนบ้านอยู่ต้องอ่าน!

     

    4. ต้องไม่ลืมรีไฟแนนซ์

    การรีไฟแนนซ์

     

    หลังจากที่เราผ่อนคอนโดไปครบ 3 ปี จะต้องไม่ลืมยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในปีที่ 4 เป็นต้นไป มักจะสูงกว่า 3 ปีแรกเสมอ ซึ่งการรีไฟแนนซ์ก็คือการกู้เงินกับธนาคารใหม่เพื่อนำชำระหนี้กับธนาคารเก่า และเปลี่ยนมาผ่อนชำระค่างวดกับธนาคารใหม่แทน โดยธนาคารใหม่มักจะมอบข้อเสนอและอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง จึงช่วยให้เราสามารถผ่อนคอนโดได้ไวขึ้นกว่าเดิม

     

    การคำนวณและวางแผนการเงินที่ดี ช่วยให้ผ่อนคอนโดหมดไวขึ้น

    ทั้งหมดนี้คือข้อมูลสำคัญที่คนผ่อนคอนโดทุกคนควรรู้ ตั้งแต่วิธีการคำนวณเงินเดือนกับความสามารถในการผ่อนคอนโด รวมถึงเทคนิคการผ่อนคอนโดยังไงให้หมดไวกว่ากำหนด ที่น่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะกู้เงินซื้อคอนโด หรือถ้าใครกำลังมองหาโครงการคอนโดที่ใช่ ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการเงินของตัวเอง สามารถใช้โปรแกรมคำนวณผ่อนบ้านจากเอพี เพื่อเช็กยอดสินเชื่อและค่างวดในแต่ละเดือนแบบคร่าว ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจและวางแผนการเงินในอนาคต

     

    รวมโครงการคอนโดมิเนียมจาก AP            ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ AP

     

    เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต

    เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

     

     

    EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

    RELATED ARTICLES