MAIN POINT
- จัดการปัญหาเสียงดังยามวิกาล เพื่อรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานของเราให้ได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ต้องรู้จักข้อบัญญัติและกฎหมายที่จำเป็น เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อต้องเผชิญเสียงรบกวนต่าง ๆ เช่น ก่อสร้างและต่อเติมเสียงดัง หรือ เพื่อนบ้านส่งเสียงดังยามวิกาล เพื่อป้องกันดูแลสุขภาพจิตให้ดี
- การทำเสียงดังยามวิกาลรบกวนผู้อื่น มีบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา:มาตรา 370, 397, 90 ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท และในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 421 ให้รับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหาย และพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 25, 26 สั่งห้ามหรือแก้ไขเหตุรำคาญต่าง ๆ ดังนั้น หากเสียงที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้อื่น ก็จะต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายระบุไว้
เสียงดังยามวิกาล กฎหมายห้ามเสียงดังเกินกี่โมง แจ้งที่ไหนได้บ้าง
เสียงดังยามวิกาล ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน การก่อสร้าง หรือกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความสำคัญของการพักผ่อนที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับในแต่ละวัน AP Thai จึงอยากชวนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหา "เสียงดังยามวิกาล" พร้อมเจาะลึกเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับเสียงรบกวน และหากพบปัญหานี้ เราสามารถแจ้งเรื่องได้ที่ไหนบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปตามอ่านสาระดี ๆ กัน
เสียงดังขนาดไหนถึงผิดกฎหมาย?
เสียงดังรอบตัว เป็นเรื่องที่ปกติสำหรับใครหลายคน แต่การใช้เสียงดังยามวิกาล ก็อาจกลายเป็นเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้มีกฎหมายที่ควบคุมเรื่องระดับเสียง เพื่อให้ประชาชนได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต โดยกฎหมายจะกำหนดค่าระดับเสียงเป็น เดซิเบล (Decibel หรือ dB) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความดังของเสียง และอนุญาตให้ใช้เสียงในแต่ละพื้นที่ แต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน (22.00 น. - 06.00 น.) ที่จะมีการควบคุมเสียงอย่างเข้มงวด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กรณีที่ 1: ก่อสร้างและต่อเติมเสียงดังยามวิกาล
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544
1. ห้ามก่อสร้างที่ทำให้เสียงดังเกินกว่า 75 เดซิเบล(เอ) ที่ระยะห่าง 30 เมตร จากอาคารที่ก่อสร้าง
หมายความว่า การก่อสร้างใด ๆ ที่ทำให้เกิดเสียงดังเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 75 เดซิเบล(เอ) เมื่อวัดที่ระยะห่าง 30 เมตรจากอาคารที่กำลังก่อสร้าง ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะหากระดับเสียงเกินกว่าค่านี้ แสดงว่าเสียงดังเกินไป และส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ใกล้เคียง
2. ห้ามก่อสร้างซึ่งก่อให้เกิดเสียงและแสงระหว่าง 22.00 น. ถึง 06.00 น.
ห้ามก่อสร้างซึ่งก่อให้เกิดเสียงและแสง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องจักร เสียงคนทำงาน เสียงการตอกเสา หรือแม้แต่แสงไฟที่ส่องเข้าไปในบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืน ซึ่งอาจทำให้เกิดความรำคาญ และส่งผลต่อการพักผ่อน โดยห้ามก่อสร้างระหว่าง 22.00 น. ถึง 06.00 น.
** หากมีการดำเนินการก่อสร้างในเวลานั้น ถือว่าผิดกฎหมาย เว้นแต่จะได้มีการป้องกันและได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในบางกรณีที่จำเป็นต้องดำเนินการก่อสร้างในช่วงเวลากลางคืน อาจทำการขออนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อลดผลกระทบต่อผู้อาศัยข้างเคียง เช่น การใช้เครื่องจักรที่ลดเสียงดัง การติดตั้งแผงกั้นเสียง เป็นต้น
*อ้างอิงจาก https://download.asa.or.th/03media/04law/cba/bb/bb44-03.pdf
กรณีที่ 2: เพื่อนบ้านส่งเสียงดังยามวิกาล
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2540) เรื่อง กำหนด มาตรฐานระดับเสียงโดยทั่วไป ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 32(5) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535
1. ค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล
ค่าเฉลี่ยของระดับเสียงในหนึ่งวัน (24 ชั่วโมง) ซึ่งวัดจากช่วงเวลา 00:00 น. ถึง 23:59 น. ซึ่งตามกฎหมายไทย กำหนดไว้ว่าค่าเฉลี่ยการใช้เสียงในช่วงนี้ ต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล เป็นระดับเสียงที่เทียบเท่ากับเสียงการจราจรหนาแน่น หรือเสียงเครื่องดูดฝุ่น เพื่อควบคุมระดับเสียงไม่ให้กระทบต่อสุขภาพ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
2. ค่าระดับเสียงสูงสุด ต้องไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ
ระดับเสียงที่ดังที่สุดที่อนุญาตให้เกิดขึ้นในพื้นที่หนึ่ง ๆ สำหรับระดับเสียง 115 เดซิเบล เทียบเท่ากับ เสียงเครื่องบินไอพ่นที่กำลังขึ้น เสียงคอนเสิร์ต เสียงเครื่องยนต์รถแข่ง หรือเสียงระเบิดพลุ
โดยทั่วไปแล้วหากเสียงดังเกินกว่าค่านี้ จะถือว่าเป็นเสียงดังเกินไป และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งความเสียหายต่อประสาทหูอย่างถาวร ความเครียด ความกังวล ปวดหัว เวียนหัว หรือ นอนไม่หลับ เป็นต้น ซึ่งการกำหนดค่าระดับเสียงสูงสุด 115 เดซิเบล ถือเป็นมาตรการสำคัญในการปกป้องสุขภาพของประชาชน และรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี
3. ค่าระดับเสียงรบกวน ต้องไม่เกิน 10 เดซิเบลเอ
กฎหมายเสียงรบกวนของประเทศไทยในปัจจุบัน สำหรับเสียงรบกวนยามวิกาล ในช่วง 22.00-06.00 น. จะใช้เกณฑ์ความแตกต่างจากระดับเสียงพื้นฐาน ที่ต้องไม่เกิน 10 เดซิเบลเอ โดยความแตกต่างระหว่างระดับเสียงพื้นฐาน ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กับระดับเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงรบกวน เช่น เสียงจากโรงงาน เสียงรถยนต์ หรือเสียงจากกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อทำการหักลบค่าเสียงพื้นฐานออกไปแล้ว ค่าที่เหลือต้องไม่เกิน 10 เดซิเบลเอ ที่เป็นเสียงในระดับที่ไม่รบกวนผู้อื่น และไม่กระทบต่อสุขภาพระยะยาว
*อ้างอิงจาก https://www.mcot.net/view/sPVnEpEv
เสียงดังรบกวนยามวิกาล สามารถแจ้งที่ไหนได้บ้าง
1. แจ้งผู้ที่ทำเสียงดังหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
ขั้นแรกให้ลองแจ้งกับผู้ที่ทำเสียงดังหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของบ้าน สถาปนิก หรือวิศวกรควบคุมงาน โดยการพูดคุยอย่างสุภาพ และตรงไปตรงมา ซึ่งอาจเป็นวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ได้ผล และช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2. แจ้งนิติบุคคลหรือผู้ดูแลหมู่บ้านหรือคอนโด
หากอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรร ให้แจ้งนิติบุคคลหรือผู้ดูแลอาคาร เพื่อให้ช่วยดำเนินการจัดการเตือนเรื่องเสียงดังได้ทันที
3. แจ้งสำนักงานเขตหรือเทศบาลในพื้นที่
กรณีที่เสียงดังรบกวนเกิดจากการก่อสร้าง หรือมีผลกระทบต่อชุมชนหรือประชาชน สามารถแจ้งสำนักงานเขต (กรณีอยู่ในกรุงเทพฯ) หรือเทศบาล (กรณีอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ) โดยให้นำหลักฐาน เช่น บันทึกเสียง วิดีโอ หรือภาพถ่าย ไปยื่นที่สำนักงานเขต หรือโทรติดต่อสอบถาม แจ้งรายละเอียดของปัญหา เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการแก้ไขปัญหา
4. แจ้งกรมควบคุมมลพิษทางเสียง (สายด่วน โทร 1650)
กรณีที่เสียงดังรบกวนเกิดจากการก่อสร้าง หรือมีผลกระทบต่อวงกว้าง สามารถแจ้งผ่านกรมควบคุมมลพิษทางเสียงที่เบอร์ 1650 หรือผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบควบคุมมลพิษทางเสียงทั่วประเทศ ที่มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้โดยตรง
5. แจ้งผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue
สามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue และรอให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับเรื่องและดำเนินการตรวจสอบ เหมาะสำหรับปัญหาเสียงดังที่ไม่เร่งด่วน
6. แจ้งตำรวจ (โทร 191)
ให้โทรแจ้งตำรวจที่เบอร์ 191 หรือโทรแจ้งโดยตรงที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้ตำรวจสายตรวจเข้ามาตักเตือนได้ทันที หากยังคงส่งเสียงดังรบกวนอยู่ สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
บทลงโทษสำหรับผู้ที่ส่งเสียงดัง จนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
1. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา
- มาตรา 370: ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยครอบคลุมถึงพฤติกรรมการส่งเสียงดังทุกชนิด เช่น การเปิดเพลงเสียงดัง การตะโกน การส่งเสียงร้อง หรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และส่งผลให้ผู้อื่นเดือดร้อน
- มาตรา 397: ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และถ้าเป็นการกระทำในที่สาธารณะ หรือต่อหน้าคนจำนวนมาก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยครอบคลุมถึงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสียงดังรบกวนซ้ำ ๆ หรือเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเข้าข่ายการรังแก หรือคุกคามได้
- มาตรา 90: ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการส่งเสียงดังรบกวน แต่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายครั้งในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท สามารถใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด เพื่อลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด
2.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
- มาตรา 420: บุคคลใดกระทำการโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สิน ผู้กระทำนั้นต้องรับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหาย
- มาตรา 421: เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินย่อมรับผิดในความเสียหาย อันเกิดจากการกระทำของทรัพย์สินนั้น แม้ตนจะมิได้กระทำด้วยตนเองก็ตาม เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นโดยเหตุ ซึ่งตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องและมิอาจป้องกันได้
3.พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535
มาตรา 25 และ 26 ของพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญในการจัดการกับปัญหาเสียงดังรบกวน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระดับชุมชนและสังคม
- มาตรา 25 มาตรานี้กำหนดให้เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุการณ์นั้น ถือเป็น "เหตุรำคาญ" ซึ่งรวมถึงเสียงดังรบกวนด้วย เช่น เสียงดังจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียง ถือเป็นเหตุรำคาญ
- มาตรา 26 มาตรานี้ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่น (เช่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด) ในการสั่งห้ามหรือแก้ไขเหตุที่ก่อให้เกิดความรำคาญต่าง ๆ
*อ้างอิงจาก
https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/226427
http://odpc9.ddc.moph.go.th/DPC5/(1)law-health35.pdf
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลดี ๆ ที่ AP Thai ได้รวบรวมมาให้เกี่ยวกับการจัดการปัญหาเสียงดังยามวิกาล พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมาย เช่น กฎหมายห้ามเสียงดังเกินกี่โมง และช่องทางการแจ้งเรื่อง เพราะเสียงรบกวนอาจบั่นทอนสุขภาพจิตและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
ดูแลบ้านด้วยตัวเองง่ายๆ ได้ที่นี่!
- หยุดปัญหาคอมแอร์เสียงดังน่ารำคาญ ด้วยวิธีง่าย ๆ
- ก่อนต่อเติมบ้าน! ต้องรู้จักกับกฎหมาย และสาระดีดี เพื่อไม่ให้มีบทลงโทษ
- เลือกระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี เพื่อทุกทริปแฮปปี้สบายใจหายห่วง
เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต
เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมดีไซน์สวย หรือบ้านแฝดฟังก์ชันใหญ่ คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ