MAIN POINT
- วิธีล้างเครื่องซักผ้าทั้งฝาหน้า และฝาบน โดยใช้ตัวช่วยที่หาได้จากของใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้มสายชู, เบกกิ้งโซดา, ผงวิตามินซีหรือกรดมะนาว, ผงซักฟอก, น้ำยาฟอกขาว, ดีเกลือฝรั่ง, น้ำยาล้างเครื่องซักผ้า, น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดา
- ข้อดีของการล้างเครื่องซักผ้า ช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย, ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า, เพื่อให้ผ้าสะอาด ไร้กลิ่นอับ
ตัวช่วยในการล้างเครื่องซักผ้า
เคยไหมกับการซักผ้าแล้วเสื้อผ้ายังดูหมอง ไม่สดใส แถมยังมีกลิ่นอับจนหมดความมั่นใจ หากเจอสัญญาณแบบนี้ แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องล้างทำความเครื่องซักผ้า วันนี้ AP Thai จะมาแชร์เคล็ดลับการล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาด หมดปัญหาเสื้อหมอง กล้าออกจากบ้านด้วยความมั่นใจ รับรองว่าถูกใจเหล่าแม่บ้านหรือพ่อบ้านแน่นอน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ไปดูกันเลย!
11 วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านในทั้งฝาหน้า และฝาบน
1. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงอาหารที่มีอยู่ในแทบทุกครัวเรือน ที่นอกจะให้รสเปรี้ยวในเมนูอาหารแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ ได้ เพราะในน้ำส้มสายชูจะมีกรดอะซิติก (Acetic Acid) ที่สามารถขจัดคราบตะกรัน และฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
วิธีล้างเครื่องซักผ้าแบบฝาบน
- เลือกเมนูซักผ้าปกติโดยใช้ระบบน้ำร้อน หรือเลือกปริมาณน้ำในระดับสูงสุด
- เทน้ำส้มสายชูปริมาณ 500 มิลลิลิตร ลงในถังซักหรือช่องใส่ผงซักฟอกแล้วปิดฝา
- ใช้เวลาปั่นประมาณ 3-4 นาที เพื่อให้น้ำส้มสายชูได้ชำระคราบสกปรกในถังซักอย่างทั่วถึง จากนั้นกดหยุดเครื่องและปล่อยแช่ไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำส้มสายชูออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- เมื่อครบเวลาแล้วให้ทำการปล่อยน้ำทิ้ง และเปิดโหมดซักด้วยน้ำเปล่าเพื่อเป็นการชำระล้างคราบสกปรกที่ยังตกค้าง รวมทั้งเพื่อกำจัดกลิ่นน้ำส้มสายชูให้หมดไปจากตัวเครื่อง
วิธีล้างเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า
- นำผ้าที่ไม่ใช้แล้วไปชุบกับน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม ๆ ทั่วทั้งผ้า
- จากนั้นนำผ้านั้นใส่เข้าไปในถังซัก และเปิดเครื่องซักผ้าโดยใช้ระบบปั่นแห้งให้ผ้าที่ชุบกับน้ำส้มสายชูถูกเหวี่ยงไปมาในเครื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้น้ำส้มสายชูได้กระจายไปทั่วถังซัก
- จากนั้นให้ทำการพักผ้าที่ชุบน้ำส้มสายชูไว้ในตัวถังซักเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง
- เมื่อครบเวลาให้นำผ้าออกมา และเปิดระบบซักด้วยน้ำเปล่า เพื่อเป็นการล้างสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวถัง และเพื่อป้องกันกลิ่นตกค้างจากน้ำส้มสายชู
ข้อควรระวังในการใช้น้ำส้มสายชูล้างเครื่องซักผ้า
อย่าแช่น้ำส้มสายชูไว้ในถังซักผ้านานเกินไป เพราะจะทำให้ฤทธิ์กรดที่เกิดจากน้ำส้มสายชูไปกัดกร่อนส่วนอื่น ๆ ภายในเครื่องซักผ้าจนเสียหายได้ ใช้เวลาเพียง 1 - 2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
2. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) หลายคนมีติดบ้านไว้เพื่อใช้กับเมนูขนมอบต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นสารที่ทำให้ขึ้นฟู โดยจะมีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ ไม่มีกลิ่น มีคุณสมบัติพิเศษคือ เมื่อนำไปละลายกับน้ำจะเกิดเป็นสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ ซึ่งฤทธิ์ด่างนี้สามารถทำปฏิกิริยากับกรดในคราบสกปรกในเครื่องซักผ้า ทำให้คราบสลายตัวและหลุดออกได้
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยใช้เบกกิ้งโซดา
- เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง ลงไปในถัง
- กดเติมน้ำและปั่นเครื่องซักผ้าตามปกติจนเบกกิ้งโซดาละลาย
- ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้า และปล่อยแช่ทิ้งเอาไว้ 1 คืน เพื่อให้เบกกิ้งโซดาขจัดคราบต่าง ๆ ในถังซักได้อย่างเต็มที่
- ปล่อยน้ำทิ้งในตอนเช้าของอีกวัน ต่อด้วยกดปุ่มซักผ้าซ้ำอีกครั้ง โดยขั้นตอนนี้ยังไม่ต้องใส่เสื้อผ้าลงไปเพื่อที่จะระบายน้ำที่สกปรกและทำความสะอาดตัวเครื่อง
3. ผงวิตามินซีหรือกรดมะนาว
ผงวิตามินซีหรือกรดมะนาว เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในการนำมาล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่มีคราบฝังลึก เพราะเป็นสารที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ และยังช่วยขจัดคราบและกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังมีกลิ่นที่แรงน้อยกว่าน้ำส้มสายชู
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยใช้ผงวิตามินซีหรือกรดมะนาว
- ต้มน้ำเปล่าจนเดือด จากนั้นปิดแก๊สและยกหม้อออกจากเตา
- เทผงวิตามินซี 200 กรัม ตามด้วยกรดมะนาว 100 กรัม ลงในหม้อ คนให้ละลายเข้ากัน
- แบ่งเทลงในถังซักและช่องใส่ผงซักฟอก
- กดซักด้วยโปรแกรมซักน้ำร้อน
- เมื่อซักเสร็จ แช่ไว้อีก 30 นาที เพื่อให้สารทำปฏิกิริยาได้อย่างเต็มที่
- เทน้ำทิ้งและกดปุ่มซักผ้าด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง เพื่อชำระคราบสกปรก
4. ผงซักฟอก
สำหรับใครที่ต้องการล้างเครื่องซักผ้าแบบด่วน ผงซักฟอกทั่วไปก็สามารถใช้อีกหนึ่งตัวเลือกในการทำความสะอาดได้เช่นกัน เพียงแต่อาจจะช่วยได้แค่เรื่องของกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้น ส่วนประสิทธิภาพในด้านการขจัดคราบ ขจัดตะกอน อาจจำเป็นต้องหาผงซักฟอกสูตรเฉพาะมาใช้แทน
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยใช้ผงซักฟอก
- เทผงซักฟอก 2 ช้อน ลงในช่องใส่ผงซักฟอก
- กดปุ่มซักตามปกติ เลือกระดับน้ำเต็มถังเพื่อให้ชำระล้างได้อย่างทั่วถึง
- ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ
- ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ เพื่อชำระสิ่งตกค้าง
5. น้ำยาฟอกขาว
น้ำยาฟอกขาว มีคุณสมบัติทำให้ผ้าขาวสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ขจัดคราบ เหมาะกับการใช้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่มีคราบฝังแน่น หรือต้องการกำจัดเชื้อแบคทีเรียเป็นพิเศษ เพราะตัวน้ำยามีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าก่อนลงมือทำ
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยน้ำยาฟอกขาว
- เทน้ำยาฟอกขาว 30 มล. ลงในช่องใส่ผงซักฟอก และอีก 30 มล. ลงในถังซัก
- เปิดโปรแกรมซักน้ำร้อน แล้วปล่อยให้เครื่องทำงาน
- หากสังเกตว่าสารฟอกขาวละลายจนทั่วแล้ว ให้หยุดเครื่องและแช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
- เมื่อครบเวลาให้กดเดินเครื่องต่อจนเสร็จกระบวนการ
- ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำเปล่าอีก 1-2 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่ากำจัดคราบสกปรกและสารฟอกขาวที่ตกค้างภายในเครื่องออกจนหมด
ข้อควรระวังในการใช้น้ำยาฟอกขาวล้างเครื่องซักผ้า
หากซักผ้าเสร็จแล้วยังมีกลิ่นของสารฟอกขาวติดค้างอยู่ ให้ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง และเช็ดด้านในของฝาให้แห้ง พร้อมทั้งเปิดฝาทิ้งไว้ระบายอากาศ เพื่อป้องกันปัญหาจากสารตกค้างในเครื่อง ควรเลือกซักผ้าขาวก่อนทุกครั้งหลังจากทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฟอกขาวเสร็จ
6. ดีเกลือฝรั่ง
ดีเกลือฝรั่ง หรือ เกลือ Epsom (Epsom Salt) มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ง่าย เหมาะกับบ้านที่ต้องการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแต่กังวลเรื่องสารตกค้าง เพราะดีเกลือฝรั่งเป็นอีกหนึ่งไอเทมธรรมชาติ ที่ช่วยล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาดและขจัดกลิ่นได้อย่างดี
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยดีเกลือฝรั่ง
- ใส่ดีเกลือฝรั่ง 1 ถ้วย ตามด้วยน้ำส้มสายชู 1 ลิตร ลงในถังซัก
- กดเดินเครื่องตามปกติ ให้เครื่องปั่นจนทุกอย่างละลายเข้าด้วยกัน
- กดหยุดเครื่อง และแช่ถังซักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาในการขจัดคราบได้เต็มประสิทธิภาพ
- เมื่อครบเวลา ให้กดเดินเครื่องต่อไปจนเสร็จกระบวนการ
- ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อความสะอาดหมดจด ไม่มีสารตกค้าง
7. ผงล้างเครื่องซักผ้า
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาใช้อย่างเฉพาะทางไปเลย คือ ผงล้างเครื่องซักผ้า ใช้ในการกำจัดสิ่งสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งในรูปแบบน้ำ รูปแบบผง และรูปแบบเม็ดฟู่ สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับเครื่องซักผ้า
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยผงล้างเครื่องซักผ้า
- เทน้ำยาหรือผงล้างเครื่องซักผ้าลงไปในถังซัก โดยใช้ปริมาณตามที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์
- กดเลือกเมนูทำความสะอาดถังซัก และปล่อยให้เครื่องทำงานไปจนเสร็จกระบวนการ
- เลือกเมนูเดิมอีกครั้งโดยไม่ต้องใส่ผงหรือน้ำยาล้างเครื่องผงซักผ้า เพื่อล้างสารตกค้างออกให้หมด
8. น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดา
รวมสองพลังเพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดอย่างหมดจด ด้วยน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา เป็นการผสมผสานคุณสมบัติเด่นของสารทำความสะอาดแบบธรรมชาติเข้าด้วยกันที่นอกจากจะช่วยให้เครื่องซักผ้าสะอาดแล้วยังสามารถช่วยแก้ไขกลิ่นอับได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยน้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดา
- ละลายเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา
- เมื่อละลายเข้ากันแล้ว นำไปเทใส่ช่องผงซักฟอก
- ใส่น้ำส้มสายชูตามลงไป 250 มล.
- กดเลือกโปรแกรมล้างถังซักผ้า และปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จกระบวนการ
- ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ เพื่อชำระสิ่งตกค้างออกให้หมดจด
9. แอมโมเนีย
หลายคนคงคุ้นเคยกับการใช้แอมโมเนียในการสูดดมเวลาวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลม แต่หารู้ไม่ว่าแอมโมเนียเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ใช้ล้างทำความสะอาดถังซักผ้าได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นด่าง สามารถนำมาขจัดคราบสกปรก คราบตะกรัน ประเภทคราบเล็ก ๆ น้อย ๆ และช่วยในเรื่องกลิ่นอับในเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยแอมโมเนีย
- เทแอมโมเนีย 1-2 ถ้วย ลงในถังซัก
- เลือกโปรแกรมซัก ปล่อยให้เครื่องทำงานไปจนเห็นว่าแอมโมเนียละลายเข้ากับน้ำเรียบร้อยแล้วจึงกดหยุดเครื่อง
- แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
- เมื่อครบเวลาให้กดเดินเครื่องต่อจนจบกระบวนการ
- ล้างเครื่องด้วยการซักน้ำเปล่าอีกครั้ง เพียงเท่านี้เครื่องซักผ้าก็สะอาดเหมือนใหม่แล้ว
10. น้ำยาฆ่าเชื้อ
น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในการกำจัดสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียในถังซัก ที่อาจแฝงมาจากเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ในแต่ละวัน รวมทั้งช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดสิ้นไป แต่ถ้าหากต้องการกำจัดในเรื่องของคราบตะกอน อาจจะต้องใช้งานร่วมกับน้ำส้มสายชู
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- เทน้ำยาฆ่าเชื้อในปริมาณที่พอเหมาะหรือตามที่ระบุไว้บนฉลากลงไปในถังซัก
- เลือกโปรแกรมซักตามปกติ โดยใช้ระดับน้ำแบบเต็มถัง เพื่อให้น้ำยากระจายไปได้อย่างทั่วถึง
- ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ แล้วแช่ต่อไปอีก 30 นาที
- ล้างถังซักอีกครั้งด้วยน้ำเปล่าเพื่อล้างคราบสกปรกและน้ำยาที่ยังตกค้างอยู่
11. ใช้โหมดทำความสะอาดที่มากับเครื่องซักผ้า
วิธีง่าย ๆ สำหรับใครที่รักความสะดวกสบาย ไม่ต้องเตรียมตัวช่วยให้ยุ่งยาก ก็สามารถใช้โหมดทำความสะอาดที่มากับเครื่องซักผ้าได้เลย ซึ่งเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ ๆ จะมีการออกแบบฟังก์ชันที่ล้ำลึกและมีลูกเล่นมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนสมัยใหม่
วิธีล้างเครื่องซักผ้าโดยใช้โหมดทำความสะอาดที่มากับเครื่องซักผ้า
- ศึกษาวิธีจากคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้า
- เลือกโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า โดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเข้าไปในถัง
- กดปุ่มเริ่มทำงาน
- เครื่องซักผ้าจะทำงานโดยอัตโนมัติ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
หมดไปแล้วกับ 11 วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านใน สามารถทำได้ไม่ยากแถมยังใช้ตัวช่วยที่หาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ลองไปทำตามกันดูได้เลย ส่วนเครื่องซักผ้าด้านนอกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นจุดที่มองเห็นได้ง่าย เมื่อเกิดคราบหรือรอยเปื้อนก็ควรรีบเช็ดออกทันที เพื่อให้เครื่องซักผ้าดูใหม่อยู่เสมอ
วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านนอกทั้งฝาหน้าและฝาบน
1. ขจัดคราบสกปรกที่ซีลประตู
เครื่องซักผ้าที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว มักจะมีคราบสกปรกที่ฝังอยู่บริเวณของซีลประตู โดยมีลักษณะเป็นคราบสีน้ำตาล เกิดจากการสะสมของคราบมัน น้ำยาปรับผ้านุ่ม สิ่งสกปรกจากเสื้อผ้า รวมทั้งการปิดฝาเครื่องซักผ้าในขณะที่ยังไม่แห้งดี หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดเชื้อราปนเปื้อนไปกับเสื้อผ้าของเราได้
วิธีทำความสะอาดบริเวณซีลประตู
- ใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ด หรือใช้แปรงเล็ก ๆ ขัดคราบสกปรกออก
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น แอมโมเนีย เพราะอาจจะไปกัดกร่อนพื้นผิวของยางทำให้เกิดการชำรุดได้
2. ล้างช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการล้างเครื่องซักผ้าที่หลายคนมองข้ามไป เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกใช้งานอยู่เป็นประจำจึงอาจทำให้มีเศษผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มหลงเหลืออยู่ หากไม่ได้ทำความสะอาดก็จะเกิดการสะสมไปเรื่อย ๆ จนผงซักฟอกไม่สามารถไหลผ่านลงไปในถังได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดเชื้อราและคราบเหนียวอุดตันได้
วิธีทำความสะอาดบริเวณช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ถอดช่องใส่ผงซักฟอกออกมาล้าง โดยใช้แปรงขนนุ่มขนาดพอดี
- ขัดบริเวณที่มีคราบอุดตันจากผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มออกจนหมด
- ล้างน้ำให้สะอาดและปล่อยให้แห้งก่อนนำเข้าไปเก็บที่ตัวเครื่อง
3. ล้างตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองเครื่องซักผ้า
อีกหนึ่งจุดที่ควรล้างทำความสะอาดอยู่เสมอ คือ ตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองปั๊มเครื่องซักผ้า เพื่อล้างเอาฝุ่น ขี้ผง เส้นผม หรือแม้กระทั่งเศษเหรียญที่อาจตกค้างอยู่ในบริเวณนี้ออก ทำให้เครื่องซักผ้าไม่เกิดการอุดตันและหมักหมมของเชื้อโรค
วิธีทำความสะอาดบริเวณตัวกรองปั๊ม (ไส้กรองเครื่องซักผ้า)
- เปิดตัวล็อกแล้วถอดตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองออกมา โดยอาจนำกะละมังเล็ก ๆ มารองไว้เผื่อมีเศษสิ่งสกปรกหลุดมาระหว่างถอดตัวกรองออก
- นำตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองไปทำความสะอาดโดยใช้แปรงขัดเพื่อให้ฝุ่น ขี้ผงต่าง ๆ หลุดออกมา จากนั้นปล่อยให้แห้งแล้วนำกลับไปใส่ตัวเครื่องที่เดิม
4. ถอดถังเครื่องซักผ้ามาล้างทำความสะอาด
ตัวถังซักผ้าเป็นบริเวณที่ต้องคอยรองรับสิ่งสกปรกที่มาจากเสื้อผ้าเป็นประจำและกินระยะเวลานาน ทำให้เกิดการอุดตันของเศษฝุ่น และคราบต่าง ๆ ส่งผลให้ทุกครั้งที่ปั่นแห้ง น้ำจะไม่สามารถระบายได้ดี ทำให้เสื้อผ้ายังเปียกชื้นแม้ว่าจะปั่นแห้งแล้วก็ตาม
ขั้นตอนการล้างในส่วนนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และจำเป็นที่จะต้องรู้จักส่วนประกอบของตัวเครื่องซักผ้า เช่น การหย่อนสายไฟบริเวณตัวถัง เพื่อที่จะดึงถังออกมาได้อย่างง่ายดายขึ้น หากเกิดความผิดพลาดอาจทำให้เครื่องซักผ้าเสียหายได้ จึงควรเรียกช่างหรือผู้ที่มีประสบการณ์ช่วยดำเนินการให้ จะเหมาะสมกว่าทำด้วยตนเอง
ประโยชน์ของการล้างเครื่องซักผ้า
1. ป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย
เครื่องซักผ้าถือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชั้นดี เนื่องจากต้องรองรับสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่มาทั้งวัน รวมทั้งความอับชื้นที่สะสมเป็นเวลานาน หากไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาดอย่างเหมาะสมก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราและคนในบ้านตามสไปด้วย เช่น เกิดโรคผิวหนังจากเชื้อรา หรืออาการภูมิแพ้ต่างๆ ดังนั้นอย่าละเลยที่จะทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำ เพื่อสุขอนามัยที่ดีทั้งกับตัวเราและคนที่เรารัก
2. ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ใคร ๆ ก็อยากใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นหอมสดชื่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในระหว่างวัน ดังนั้นการล้างเครื่องซักผ้าเป็นประจำสามารถป้องกันปัญหากลิ่นอับชื้นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เราซักผ้าเสร็จจะยังมีคราบสกปรกหรือมีผงซักฟอกค้างอยู่ตามจุดต่าง ๆ ดังนั้นหากเราล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่เป็นประจำ ก็หมดกังวลเรื่องกลิ่นอับชื้นไปได้เลย รวมทั้งหมดปัญหาเกี่ยวกับโรคที่มาจากทางเดินระบบหายใจด้วย
3. ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า
ข้อดีของการล้างเครื่องซักผ้าเป็นประจำ ไม่ได้ส่งผลดีกับแค่ตัวเราเท่านั้น ยังดีต่อเครื่องซักผ้าด้วย เพราะหากเครื่องซักผ้าไม่ได้รับการดูแล ปล่อยให้มีคราบสิ่งสกปรกและสิ่งปนเปื้อนอยู่อย่างนั้น จะทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักขึ้น เสื่อมสภาพไวขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องลดลง หากเราล้างเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานนานกว่าเดิม ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่โดยไม่จำเป็น
4. เพื่อให้เสื้อผ้าสะอาด ไร้กลิ่นอับ
เมื่อเครื่องซักผ้าสะอาดแล้ว แน่นอนว่าเสื้อผ้าของเราก็จะสะอาดมากขึ้นตามไปด้วย เพราะเวลาเราล้างเครื่องซักผ้า พวกคราบสิ่งสกปรก คราบไขมัน คราบตะกอน สิ่งเหล่านี้ก็จะหายไปหมด ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เสื้อผ้าก็จะสะอาด ปลอดภัยจากเชื้อโรคและไร้กลิ่นอับ ส่งผลให้เรามั่นใจมากยิ่งขึ้นไปด้วย
รวมคำถามที่เกี่ยวกับการล้างเครื่องซักผ้า
1. ควรล้างเครื่องซักผ้าบ่อยแค่ไหน?
ควรล้างเครื่องซักผ้าอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 3 เดือนครั้ง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เพราะทุกครั้งที่เราซักผ้าจะมีคราบตะกอนหรือเศษฝุ่นติดอยู่ในถังเครื่องอยู่เสมอ หากปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักและเสื้อผ้าที่ซักออกมาก็จะดูไม่สะอาดเท่าที่ควร
2. ควรล้างเครื่องซักผ้าตอนไหน?
เมื่อรู้สึกได้ว่าเครื่องซักผ้าและเสื้อผ้าที่ใส่เริ่มมีกลิ่นเหม็นอับ ผ้าดูหมอง ไม่สะอาด หรือพบว่ามีเศษสกปรกติดมากับเสื้อผ้า ใส่เสื้อผ้าแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ ก็ถึงเวลาที่ควรจะทำความสะอาดเครื่อง เพราะภายในถังซักมักเต็มไปด้วยเศษสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น ดังนั้นควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบสภาพเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้ไม่เกิดการสะสมของแบคทีเรีย
3. ล้างเครื่องซักผ้าแล้ว ทำไมผ้ายังมีกลิ่นเหม็นอับ?
สาเหตุมาจากการทิ้งผ้าที่ซักเสร็จไว้ในเครื่องนานจนเกินไป เพราะความชื้นจากผ้าที่ยังเปียกอยู่จะส่งผลให้ผ้ามีกลิ่นเหม็นอับและเกิดเป็นเชื้อราได้ ดังนั้นควรนับเวลาเครื่องซักผ้าให้ดี และนำเสื้อผ้าออกจากเครื่องทันทีที่ซักเสร็จ พร้อมกับเปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้หลังซักเสร็จประมาณ 15-20 นาที เพื่อลดความชื้นและกลิ่นอับของถังซัก
ล้างเครื่องซักเป็นประจำเพื่อเสื้อผ้าที่สะอาด ไร้กลิ่นอับ
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนแบบมือโปร ที่จะช่วยให้เหล่าแม่บ้านหรือพ่อบ้านสามารถนำไปปรับใช้กับเครื่องซักผ้าที่บ้านได้อย่างถูกวิธี หมดปัญหาเชื้อโรค พร้อมมีเสื้อผ้าสะอาดสวมใส่ออกนอกบ้านได้อย่างมั่นใจ สะอาดชัวร์ ไร้กลิ่นอับ
เพิ่มความรู้ในการดูแลบ้านแบบมืออาชีพ ได้ที่นี่!
- วิธีล้างตู้เย็น ทำความสะอาดตู้เย็นให้ดูเหมือนใหม่ตลอดเวลา
- วิธีความสะอาดบ้าน ให้สะอาด ฉับไว เอาใจสายขี้เกียจ
- วิธีกำจัดฝุ่นในห้องนอน แก้ปัญหาฝุ่นสะสมอย่างยั่งยืน
เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต
เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมดีไซน์สวยหรือบ้านแฝดฟังชันใหญ่ คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ